หุ้นไทยปิดบวก 3.66 จุด แรงซื้อนักลงทุนรายย่อย-สถาบัน-บัญชีบล.พยุง ขณะที่ตลท.-ก.ล.ต.เข้ามาดูแลเรื่อง Short Sell – Naked Short Sell มากขึ้น มองแนวโน้มพรุ่งนี้แกว่งขึ้นต่อ กรอบแนวรับที่ 1,408 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,419.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด หรือ+0.26% มูลค่าซื้อขาย 37,420.63 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในภาพย่อตัวแล้วดีดขึ้น เป็นภาพของการรีบาวด์ โดยช่วงแรกปรับลงจากแรงกดดดันตัวเลข GDP ไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1.5% ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะขยายตัว 2.2% แต่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสศช. มอง GDP ปีนี้ขยายตัวราว 2.5% ก่อนจะเร่งตัวเป็น 3.2% ในปี 67 ยังไม่ได้รวมนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากต้องรอการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ก็สะท้อนภาพเบื้องต้นว่าปี 67 เศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวไม่ได้กระทบกับ Sentiment การลงทุนมาก
นอกจากนี้สัญญาณค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตลาดหุ้นเริ่มกล้าสู้มากขึ้นกับ Valuation ระดับนี้ รวมทั้งช่วงหลังหน่วยงานภาครัฐ ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มเข้ามาดูแลประเด็นที่นักลงทุนมีความกังวลทั้งเรื่อง Short Sell หรือ การยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลง และ Naked Short Sell มากขึ้น ( การขายหุ้นออกไปโดยที่นักลงทุนรายนั้นไม่ได้ถือหุ้นอยู่จริง) ทำให้ความเชื่อมั่นใจการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยกลับมาได้บ้าง
ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 865.74 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 452.98 ล้านบาท
บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 86.37 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 1,405.09 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งขึ้นต่อ อยู่ในภาพของการย่ำฐานและยืนเหนือโซน 1,400 จุดได้ โดยนักลงทุนรอติดตามมาตรการเพิ่มเติมจากภาครัฐ อาทิ Thailand ESG Fund ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้น Sentiment การลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินของสหรัฐเป็นหลัก โดยคือวันที่ 21 พ.ย. จะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดครั้งที่แล้ว (FED Minute) และกลางสัปดาห์รายงานตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐ ส่วนปลายสัปดาห์ติดตามการรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและยุโรปให้กรอบแนวรับที่ 1,408 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,737.94 ล้านบาท ปิดที่ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,340.85 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,142.05 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,046.33 ล้านบาท ปิดที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
BH มูลค่าการซื้อขาย 964.28 ล้านบาท ปิดที่ 225.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท