“คลัง” กางแผนปีนี้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ระหว่างรองบประมาณปี 67 ให้หน่วยราชการที่มีงบลงทุนเตรียมยกร่าง TOR การประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมประมูลโครงการรัฐ ด้าน “กรมบัญชีกลาง” ออกหนังสือเร่งส่วนราชการเบิกจ่าย-ลดขั้นตอนจัดซื้อ
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังวางแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อประคองเศรษฐกิจ ในช่วงที่กฎหมายงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และให้หน่วยราชการที่มีงบลงทุนเตรียมยกร่าง TOR การประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมประมูลโครงการรัฐ เพื่อให้เมื่อกฎหมายงบประมาณมีผลบังคับใช้ การลงนามในสัญญาโครงการจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 67 เป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากเป้ารายได้ปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสศค.คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2566จะขยายตัวเพียง 2.7 % โดยผลการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 66 ที่สิ้นสุดไปเมื่อ30 ก.ย.ปีที่แล้วนั้น รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 2.66 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.74 แสนล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 7 % ทั้งนี้ กรมสรรพากร ถือเป็นกรมฯที่สามารถจัดเก็บรายได้ให้รัฐบาลสูงสุดโดย จัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณที่แล้วถึง 2.21 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.82 แสนล้านบาท
สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภานั้น ได้กำหนดรายจ่ายไว้ที่ 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 9.3 % ส่วนรายได้ของรัฐบาล ตั้งเป้าหมายไว้ที่2.78 ล้านล้านบาท ทำให้งบประมาณปี 2567 ยังคงเป็นงบประมาณแบบขาดดุล ที่ 6.93 แสนล้านบาทหรือขาดดุล 3.6 % ของจีดีพี
นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมฯได้แจ้งให้ส่วนราชการเตรียมขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นการภายใน เช่น การกำหนดรายละเอียดการจัดซื้อ การจัดทำเงื่อนไขการจัดซื้อหรือ TOR เมื่อคณะกรรมาธิการผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 แล้ว หน่วยงานราชการจะทราบว่า ได้รับวงเงินงบประมาณจำนวนเท่าใด ซึ่งจะสามารถเริ่มดำเนินการขั้นตอนการจัดซื้อได้ทันที
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมากรมฯได้ซักซ้อมความเข้าใจกับส่วนราชการเกี่ยวกับการผ่อนปรนระยะเวลาการจัดซื้อจัดจ้างในเรื่องต่าง อาทิการเพิ่มวงเงินการเผยแพร่เอกสารวงเงินลงทุน ซึ่งเดิมกำหนดว่า วงเงินลงทุนตั้งแต่ 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานที่จะเปิดรับฟังความเห็นก่อนเผยแพร่เอกสารหรือไม่ก็ได้
โดยได้ปรับเปลี่ยนเป็นวงเงินลงทุนตั้งแต่ 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานที่จะเปิดรับฟังความเห็นก่อนเผยแพร่เอกสารหรือไม่ก็ได้นอกจากนี้ การเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างนั้น เดิมกำหนดว่า วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ต้องเปิดรับฟังความเห็นใน 3 วันทำการ ซึ่งตรงนี้ เราก็เพิ่มวงเงินให้เป็น 10 ล้านบาท เพื่อให้วงเงินจัดซื้อที่ต้องรับฟังความคิดเห็นนั้น มีจำนวนใหญ่ขึ้น
สำหรับการเผยแพร่ประกาศเอกสารจัดซื้อหรือจ้างโดยวิธีประกาศเชิญชวนลงทุนนั้น จะลดระยะเวลาให้สั้นลง โดยเดิมวงเงิน 5 แสน ไม่เกิน 5 ล้านบาท ใช้เวลา 5 วัน, วงเงิน 5 ล้านบาท ไม่เกิน 10 ล้านบาท ใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน, วงเงิน 10 ล้านบาท ไม่เกิน 50 ล้านบาท ใช้เวลาไม่เกิน 12 วัน และ 50 ล้านบาทขึ้นไป ใช้เวลาไม่เกิน 20 วัน ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นเกิน 5 แสนบาท ไม่เกิน 100 ล้านบาท ให้ลดเวลาเหลือไม่น้อยกว่า 3 วันทำการเท่านั้น