“พิธา” แย้ง “ทักษิณ” หลังชี้วิกฤตศก.หนักกว่าต้มยำกุ้ง สอนมวยอย่ามองแค่จีดีพี แนะรัฐบาลออกโร้ดแมป จะได้เถียงกันมากกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ท
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ุ7 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วิกฤติของประเทศไทยตอนนี้ หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 จะเป็นตัวเร่งให้รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ทเร็วขึ้นหรือไม่ ว่า คำว่า ‘เศรษฐกิจไม่ดี’ มีหลายระดับ ตั้งแต่ ‘เศรษฐกิจซึม’ จนถึง ‘เศรษฐกิจแบบวิกฤต’ ยอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีจริง โตช้าจริง ซึม และการฟื้นฟูหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด ก็ยังช้าและแย่มากเป็นอันดับท้ายๆของโลก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาโครงสร้างทั้งหมด ไม่ใช่ว่าวิกฤตแล้วเศรษฐกิจหายไป 20% หรือตลาดหุ้นหายไปเกินครึ่งเหมือนตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือค่าเงินบาทปรับเป็น 50 บาทจาก 25 บาท
“ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกันแล้ว พอสถานการณ์ไม่เหมือนกัน เราดันไปบอกว่าเหมือนกัน เราจ่ายยาผิดทันทีนะ ตอนนี้เศรษฐกิจมันซึม แล้วมันซึมยาว ซึมยาวมาเป็นปี และซึมมาเป็น 10 ปี แต่ปัญหาโครงสร้างในการส่งออกยังเหมือนเดิม เรื่องเกี่ยวกับภาคการผลิตยังเหมือนเดิม”นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ปีนี้งบประมาณล่าช้า แต่ตนยังรู้สึกว่าเมื่องบประมาณผ่านแล้วภาครัฐตั้งใจที่จะอัดโครงการที่เป็นประโยชน์ออกไปจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่สัมมนาหรือซื้อผ้าม่าน มีการอัดฉีดลงทุนในโครงสร้างเข้าไป ก็จะทำให้ GDP โตขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดที่อยากจะชวนรัฐบาลหรือคุณทักษิณด้วย คือเวลาวัดเศรษฐกิจ ถ้าคุณวัดผิดก็จะเป็นเข็มทิศที่ผิด ถ้าคุณไปวัดแค่ GDP ว่าโตเท่าไหร่ มันไม่ได้วัดความเหลื่อมล้ำ จึงอยากขอให้ลองหาตัววัดเศรษฐกิจใหม่ๆ ในการดูแล เช่น การเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจตอนนี้เป็นอย่างไร หรือการวัดความร่ำรวยของประชาชน (GDP per capita) ไม่ได้ดูแค่ระดับประเทศ แต่ดูระดับในจังหวัด ก็จะทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น
เมื่อถามว่า วิธีการแก้ไขเฉพาะหน้าที่จะรวดเร็วที่สุด ที่จะเป็นทางออกให้กับประเทศคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า ในตอนนี้ต้องลงรายละเอียดในเรื่องที่เปราะบางที่เกิดขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือคือต้องมี Road Map ให้เห็นว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ ถ้ามีแผนอย่างชัดเจนก็น่าจะทำได้ เพราะถ้าไม่มีอะไร นอกจากดิจิทัลวอลเล็ตมันก็เถียงกันในเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา