“จุลพันธ์” เตรียมเสนอรายงานกมธ.เอ็นเตอร์เทนเม้นคอมเพล็กเข้าครม.ใน 2 สัปดาห์ คาดดึงลงทุนแตะ 3 แสนล้าน พร้อมผลักดันเป็นกฎหมายภายใน 4 ปี
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เปิดเผยว่า รายงานการศึกษาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ผ่านการรับรองสภาผู้แทนราษฎรด้วยมติเป็นเอกฉันท์ โดยรายงานฉบับนี้พร้อมข้อสังเกตของกมธ. และความคิดเห็นของสมาชิกฯ คาดว่าจะส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภายใน 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ ยังต้องรอดูว่า ครม.จะมีความคิดเห็นและมีคำสั่งดำเนินการต่อจากนี้อย่างไร หากครม.ต้องการผลักดันต่อก็จะมีมติรับทราบรายงานและกำหนดให้หน่วยงานที่เเกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ เพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในการออกกฎหมายลูก แล้วส่งกลับเข้ามาให้ครม. อนุมัติ ก่อนส่งไปพิจารณาออกกฎหมายในสภาฯ ต่อไป
สำหรับ การศึกษาเรื่องคาสิโนถูกกฎหมายเป็นประเด็นที่กล่าวถึงในสภาผู้แทนราษฎรมาทุกยุคทุกสมัยแต่ยังขาดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม จึงหวังว่าการศึกษาในครั้งนี้จะทำให้เรื่องนี้เดินหน้าต่อไปได้ โดยจะเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ให้เกิดขึ้นในไทย ซึ่ง Entertainment Complex จะไม่ได้เป็นเพียงตึกที่คาสิโนอยู่เท่านั้น แต่จะเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงครบวงจรหลายประเภทในพื้นที่เดียวกัน เช่น โรงแรมระดับ 5 ดาว แลนด์มาร์ค ศูนย์การจัดแสดงโชว์ ร้านอาหาร ฯลฯ
โดยการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนระดับโลก จะจัดสรรให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เฉพาะ เพื่อให้สะดวกในการบริหารจัดการ การจัดเก็บรายได้ และการควบคุมการเข้ามาเล่นกาสิโนของคนในประเทศเป้าหมายในการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร คือการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ และแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ จากการศึกษาที่ผ่านมาการตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในไทยจะทำให้เราได้ประโยชน์เหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จากข้อได้เปรียบของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ดึงดูดความสนใจ คาดว่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนได้กว่า 300,000 ล้านบาท เก็บภาษีได้ปีละกว่า 20,000 ล้าน และจ้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่งจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร
ดังนั้นหากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน รัฐบาลจะสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การดึงลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ ทั้งสนามกีฬานานาชาติแห่งใหม่ มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ สนามแข่งรถ F1 สวนสนุก โดยพื้นที่ในการเล่นการพนันหรือ Gaming floor จะมีการกำหนดสัดส่วนเพียงแค่ 3-10% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น
ส่วนข้อกังวลในเชิงสังคมนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การนำธุรกิจคาสิโนเข้าระบบจะทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นและยังสามารถนำเงินส่วนหนึ่งเข้ากองทุนเพื่อการบำบัดและเยียวยาเชิงสังคมและชุมโดยรอบ วงเงินกว่า 4-5 พันล้านบาท โดยจะต้องมีการกำกับดูแลด้วยกลไกที่เข้มงวดคล้ายกับในสิงคโปร์ อาทิ การตรวจรายได้ ตรวจภาษี เก็บค่าเข้า การสร้างรายชื่อห้ามเข้า