‘จุลพันธ์’ ร่ายขั้นตอนการถอนเงินของร้านค้า โครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ต้องเป็นร้านทอดที่ 3 ถึงจะดำเนินการได้ เหตุเป็นกลไกป้องกันการทุจริต ย้ำต้องอยู่ในระบบฐานภาษี กำหนดเข้า ครม. ภายใน 1 เดือน นี้ ลั่น รัฐบาลใช้หนี้เงิน ธ.ก.ส.แน่ แต่บอกไม่ได้หมดเมื่อไหร่
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังรัฐบาลแถลงโครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมว่า ในการถอนเงินของร้านค้านั้น รอบแรกประชาชนใช้เงินดิจิทัลผ่านร้านค้า ในระยะเวลา 6 เดือน ส่วนรอบที่สอง ร้านค้าไปใช้จ่ายผ่านร้านค้าด้วยกัน ซึ่งไม่จำกัดว่าจะเป็นร้านที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่ ซึ่งร้านค้าทอดที่ 3 จะสามารถไปขึ้นเงินได้ เพื่อป้องกันการทุจริต ย้ำว่าทุกร้านต้องอยู่ในระบบฐานภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีนิติบุคคล, ภาษีบุคคลธรรมดา
เมื่อถามว่า แอพเป๋าตังค์ไม่ใช้แล้ว แล้วซุปเปอร์แอพ หน้าตาเป็นแบบไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จะมาถามหน้าตาแบบนี้คงตอบไม่ได้ แต่ก็ยังจะใช้แอพเป๋าตังค์มาเชื่อมโยง
เมื่อถามว่า จะมีการเติมเงินหลายช่องทางหรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า เราเปิดทางเลือกให้กับประชาชนใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น สามารถรับเงินได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการ Cash Out หรือกระบวนการใดๆ ก็ตาม เราเปิดให้ความเชื่อมโยงกับวอลเล็ตทั้งหมดที่จะเข้ามาเชื่อมโยงกับเราได้ ธนาคารพาณิชย์จะเป็นสีฟ้า สีเขียว สีอะไรก็ตาม ถ้าอยากจะเชื่อมกับระบบนี้ สามารถเอาระบบมาเชื่อมต่อได้ เราจะสามารถลิ้งค์ไปที่บัญชี
ส่วนจะเริ่มในเดือนตุลาคม ไตรมาส 4 เลยหรือไม่ นายจุลพันธ์ หัวเราะ และตอบว่า ไตรมาส 4 ก็มาถามวันกัน โดยย้ำว่าเรื่องนี้จบแล้ว ส่วนจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไหร่นั้น กำหนดไว้ภายใน 1 เดือน คาดว่าจะเป็นเดือนเม.ย.
ผู้สื่อข่าวยังสอบถามถึงการเติบโตของ GDP ที่ตอนนี้ได้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มาช่วยด้วย นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรายังมีความเชื่อว่า กลไกที่เราทำไป จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตตามศักยภาพได้ เราตั้งเป้าไว้ที่ 5% เป็นอย่างต่ำ ปีนี้โอกาสลำบาก เพราะกว่าได้เงินดิจิทัลวอลเล็ตก็ปลายปี ซึ่งอาจจะยังไม่ส่งผลถึงการเติบโตของปี 2567 ตามที่คิดไว้ และเน้นย้ำว่าในปีถัดๆ ไป จะสร้างปัจจัยบวกในเรื่องการค้า-การลงทุนจากต่างประเทศโดยตรง ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว หากทำให้เศรษฐกิจเติบโตไปในจุดที่เหมาะสม ก็จะทำให้มีความมั่งคั่งเพียงพอที่จะกระจายให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบาย 2 เรื่อง ทั้งดิจิทัลวอลเล็ตและกระตุ้นภาคอสังหาฯ เป็นเพียงแค่ 2 นโยบายในหลายโครงการที่เราจะทำเพิ่มต่อไป ซึ่งในระหว่างปีที่จะมาถึง เชื่อว่าจะมีนโยบายที่เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายตัว แต่ยังไม่สามารถพูดได้
เมื่อถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตทำเป็นงบประมาณปกติ ไม่กู้แล้ว ข้อกังวลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะลดลงหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ลดลงไปหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อถกเถียงว่า ‘วิกฤตหรือไม่’
“เรายืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ได้ดี ถ้าไปถามพี่น้องประชาชน ถ้าเกิดว่าเอาเท้าแตะดิน จะรู้เลยว่าพี่น้องประชาชนลำบากในขณะนี้ ซึ่งความเห็นนี้ ผมว่าก็ตรงกัน ในสภาก็เห็นตรงกัน การอธิบายคำว่าวิกฤตเศรษฐกิจอาจจะต่างกัน แต่เราบอกว่ามันมีปัญหา และการกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็น เราถึงได้เดินหน้าในการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในประเด็นอื่นที่มีข้อห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริตคอรัปชั่น การใช้ผิดประเภท เราก็ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งอนุกรรมการมาตรวจสอบ รวมไปถึงอนุกรรมการกำกับดูแล จึงจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขการใช้จ่ายสองรอบขึ้นไป ร้านค้าถึงจะถอนเงินได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกของการลดการทุจริตคอรัปชั่น และสร้างตัวแปรทางเศรษฐกิจ ให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุนไป
ส่วนจะเป็นนโยบายสัญญาว่าจะให้หรือไม่ คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่เคยพูด และตอบชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้เป็นประเด็น
เมื่อถามว่า ทำไมไม่คิดใช้เงินงบประมาณตั้งแต่แรก นายจุลพันธ์ ย้ำว่า รัฐบาลคิด แต่มีหลายปัจจัย เช่นแนวคิดที่ว่า ในเรื่องของการกู้เงินเป็นการสร้างเงินใหม่ ซึ่งแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการสร้างเงินใหม่อีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน เพราะว่ามีการขาดดุลมากกว่ากรอบงบประมาณ หากรัฐบาลไปใช้งบประมาณและไม่มีการขาดดุลเพิ่มเติมก็ถือว่าเป็นเงินเก่า ซึ่งก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก แต่แนวทางเช่นนี้ถือว่าเป็นเงินที่เติมเข้าไปใหม่
เมื่อถามว่า ให้คำมั่นได้หรือไม่ว่าจะรีบใช้เงินคืน ธ.ก.ส. ก้อนนี้ เพราะก็เท่ากับรัฐบาลเป็นหนี้ ธ.ก.ส. นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลสามารถบริหารจัดการในการใช้หนี้ได้ แต่ไม่สามารถจะตอบเวลาได้ว่าจะใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ ก็ต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่า พรรคร่วมเห็นด้วยใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์หัวเราะ และกล่าวว่า เมื่อสักครู่ก็นั่งกันอยู่หลายพรรค