“ดนุชา” คาดกองทุน LTF ส่งผลบวกตลาดหุ้นไทย-หนุนการออมประชาชน แนะทุกฝ่ายพิจารณาการลดหย่อนภาษีให้เหมาะสม ไม่กระทบการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ-ซ้ำซ้อน
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังมีการ พิจารณานำเอากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมาในตลาดหุ้นอีกครั้งเพื่อส่งเสริมการลงทุนว่าในเรื่องนี้เป็นแนวความคิดที่ถือว่า ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย และช่วยส่งเสริมการออมของประชาชนได้ด้วย
ซึ่งสิ่งที่ต้องมีการพิจารณาคือเรื่องของสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี ซึ่งในส่วนนี้ต้องมาดูว่าอัตราที่เหมาะสมคือเท่าไหร่ เพราะหากมีการลดหย่อนมากเกินไปก็จะกระทบกับภาษี และจะกระทบกับการจัดเก็บรายได้ที่ลดลง ซึ่งการลดหย่อนไม่ควรจะมีการซ้ำซ้อนด้วย
สำหรับกองทุน LTF คือ กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนระยะยาวในหุ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพในระบบตลาดทุนไทย ซึ่งเงินลงทุนใน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 7 ปีปฎิทิน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา การซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ปัจจุบันมีกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มาแทน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
โดยรัฐมีแนวคิดให้มีการนำกองทุน LTF กลับมาเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการสร้างความคึกคักให้กับตลาดหุ้นไทยอีกครั้งเนื่องจากมีระยะเวลาการถือครองที่สั้นกว่า SSF คือถือครองเพียง 7 ปีปฏิทิน ในขณะที่ SSF ต้องถือครอง 10 ปีนับจากวันที่ซื้อกองทุน นอกจากนี้ LTF ยังให้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมิน และกำหนดเพดานไม่เกิน 500,000 บาท ขณะที่ SSF กำหนดลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน และกำหนดเพดานลดหย่อนไว้ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นต้น