วันจันทร์, มิถุนายน 24, 2024
หน้าแรกHighlight''เครดิตบูโร''หวั่นลดเวลาติด''แบล็กลิสต์'' กระทบสถาบันการเงิน-ผู้ฝากเงิน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

”เครดิตบูโร”หวั่นลดเวลาติด”แบล็กลิสต์” กระทบสถาบันการเงิน-ผู้ฝากเงิน

“สุรพล” เผยลดระยะเวลาติดแบล็กลิสต์ 8 ปี หลังเป็นหนี้เสียทำได้เพียงออกประกาศกคค. ย้ำต้องชั่งน้ำหนักความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อสถาบันการเงิน ผู้ฝากเงิน-มาตรฐานสากล

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังตั้งข้อสังเกตในการเก็บประวัติหนี้เสียของเครดิตบูโร รวมทั้งมีแนวทางแก้กฎหมายเพื่อร่นระยะเวลาในการบันทึกสถานะของลูกหนี้ให้ลดลงว่า   กรณีที่ได้มีข่าวสารปรากฏถึงแนวคิดแนวทางในการที่จะช่วยผู้คนซึ่งไปกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน​ แต่ต่อมาไม่สามารถชำระหนี้ได้​ จนเลยเวลา​ 90 วันหรือค้างเกินกว่า​ 3 งวดหรือเกินกว่า​ 3 เดือนขึ้นไป​ สถานะของลูกหนี้ที่มีบัญชีสินเชื่อดังกล่าวนั้นคือ​ หนี้เสีย​ หรือ​ NPLs

โดยลูกหนี้ที่มีบัญชีอย่างนี้ในประวัติของตนก็จะไปขอกู้เงินใหม่อีกครั้งก็จะยากมาก ​ๆ เพราะหนี้เก่าที่ค้างชำระจนเสียนั้นยังไม่จ่าย​ จะมาได้เงินกู้ใหม่ได้อย่างไร​ สถาบันการเงินที่จะมาเป็นเจ้าหนี้ใหม่ก็มีกติกาปกป้องจากผู้กำกับดูแลว่า​ ถ้าตัวคนมายื่นขอกู้เพิ่มใหม่นั้นยังมีบัญชีที่ค้างชำระจนเกิน​ 3 เดือนมาแล้วในเวลาที่ยื่นขอกู้​ และก็ยังไม่ได้ชำระหนี้ดังกล่าว​ การจะอนุมัติเอาเงินฝากของผู้ฝากเงินไปให้กับคนที่มีปัญหายังไม่ได้แก้ไขคงจะทำไม่ได้​แน่นอน

ทั้งนี้ช่วงปี​ 2563-2565 มีเหตุการณ์​โรคระบาด​ ส่งผลทำให้เกิด​ income shock มีการสั่งห้ามการพบหน้ากัน​ lock down กัน​ เหตุ​ปัจจัย​นี้จะไปบอกว่าเป็นความผิดของลูกหนี้ที่ค้าขาย​ ทำงาน​ ทำอาชีพอิสระ​ ตั้งใจจะเบี้ยวหนี้จนเป็นหนี้เสียเลยทั้งหมดก็คงไม่ได้​ ดังนั้นในระบบการเงินไทยเราจึงมีลูกหนี้จำนวนหนึ่งที่มีบัญชีหนี้เสียเพราะโควิด-19 ที่เรียกว่า​ บัญชีหนี้เสียรหัส​ 21​หรือ​ บัญชี​ NPLs​ code 21​  ซึ่งทุกรัฐบาลก็พยายามหาหนทางในการแก้ไข​

สำหรับวิธีการในการแก้ไขหลัก ๆ คือการปรับโครงสร้าง​หนี้​ที่มีปัญหาหรือการทำ​ TDR. เพื่อให้บัญชีหนี้เสียกลายมาเป็นบัญชีหนี้ปรับโครงสร้าง​ฯ และกลายเป็นบัญชีหนี้ปกติในที่สุด  ขณะที่แนวทางต่าง ๆ ทางธนาคารแห่งประเทศไ​ทย (ธปท.) มีการกำหนดไว้ โดยมีความพยายามสื่อสารให้ลูกหนี้​ เจ้าหนี้​ มาตกลงกันในจุดที่พอจะไปกันได้​ จูงมือกันเดินต่อไป​ ผลก็เป็นอย่างที่มีการแถลงตัวเลขกัน

ส่วนเรื่องที่อยากจะแก้ไขกติกาการกำหนดในปัจจุบัน (2​9.05.2567) ว่า​ ถ้าบัญชีใดเป็นหนี้เสีย​ เป็น​ NPLs แล้ว​ หากลูกหนี้รายนั้นที่เป็นเจ้าของบัญชีไม่ยอมจ่าย​ ไม่ยอมปรับโครงสร้าง​หนี้​ที่มีปัญหา​ ไม่ยอมทำ​ TDR หรือการปรับโครงสร้างหนี้จะ ถูกฟ้อง​ ถูกดำเนินคดี​ เราจะยอมให้มีข้อมูล​ที่แสดงสถานะการเป็นหนี้เสียในระบบของเครดิตบูโรนานเท่าใด​ นับแต่วันที่บัญชี​นั้นค้างเกิน​ 90 วัน​

ถ้าเอาตามกฎหมายในอดีต​ ก็ต้องส่งข้อมูล​การเป็นหนี้เสียเข้ามาในระบบต่อเนื่องไปตลอด​ จนกว่าจะมีการชำระเป็นปกติ​ หรือมีการทำ​ TDR

อย่างไรก็ตาม ในสมัยดร.ประสาร​ ไตรรัตน์วรกุล เป็นผู้ว่าการ​ ธปท. และเป็น ประธานคณะกรรมการคุ้มครอง​ข้อมูล​เครดิต​ หรือ​ กคค. ในเวลานั้น​ ได้พิจารณาว่าเพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีบัญชี​ NPLs ในประวัติของตน​ จึงได้มีการหารือกันทั้งระบบสถาบันการเงินและพบว่า​ ในอเมริกาเก็บข้อมูล​ไว้นาน​ 7 ปี​ ในอังกฤษ​ 6 ปี​ จึงได้มีการตัดสินใจในวันนั้นโดยออกประกาศ​ของ​ กคค.ออกมารองรับว่า​ ถ้าบัญชีใดค้างเกิน​ 90 วัน และยังไม่มีการชำระกลับมาเป็นปกติ​ หรือยังไม่ทำ​ TDR ​ ก็ให้เจ้าหนี้ส่งข้อมูล​ต่อเนื่องทุกเดือนเข้ามาในระบบจนครบ​ 5 ปี​ กล่าวคือข้อมูล​ที่ปรากฏในรายงานเครดิตบูโร​จะแสดงข้อมูล​ของปีที่​ 5 ปีที่​ 4 ปีที่​ 3 หรือที่เราเรียกว่า​ 3 ปีย้อนหลัง​ รายงานก็จะบอกว่าบัญชีดังกล่าวนั้นค้างเกิน​ 90 วันแสดงอยู่จำนวน​ 36 เดือน​หรือ​ 36 บรรทัด จากนั้น เมื่อสถาบันการเงินส่งข้อมูล​เข้ามาจนเห็นเป็นเดือนสุดท้ายของปีที่​ 5 ลากลงมาจนถึงเดือนที่หนึ่งของปีที่​ 3 แล้ว​

ในปีที่​ 6 เดือนที่​ 1 เครดิตบูโรก็เริ่มลบข้อมูล​เดือนที่​ 1 ของปีที่​ 3 และในเดือนที่​ 2 ของปีที่​ 6 เครดิตบูโรก็จะลบข้อมูล​ของเดือนที่​ 2 ของปีที่​ 3 ทำอย่างนี้เรื่อยไป​ ดังนั้นข้อมูล​จะทยอยถูกลบไปจนบรรทัดสุดท้ายในระบบจะหายไปในเดือนที่​ 12 ของปีที่​ 8​ รวมระยะเวลาที่บัญชีหนี้เสียดังกล่าวอยู่ในระบบ​คือ​ 8 ปี ​(5ส่ง+3ลบ) โดยจะแสดงผลย้อนหลังดังที่กล่าวมาข้างต้าน

ขณะที่เจ้าหนี้ในปีที่​ 8​ จะเห็นข้อมูล​ว่าบัญชีหนี้สินกรณีนี้เป็นบัญชีหนี้เสีย​ เพราะยังไม่มีการชำระหนี้​ตั้งแต่อดีตนับจากวันที่ค้างชำระเกิน​ 90 วัน​ คือเห็นประวัติย้อนไปได้​ 8 ปีย้อนหลัง​ โดยบรรทัดสุดท้ายที่จะเห็นคือเดือนที่​ 12 ของปีที่​ 5  หลังจากครบ​ 8 ปีแล้ว​ ข้อมูล​ทั้งบัญชีนี้จะหายไปจากระบบ​ แต่มูลหนี้ไม่ได้หายไป​ เจ้าหนี้เจ้าของบัญชีดังกล่าวยังมีสิทธิในการติดตามหนี้ตามกฎหมาย​ หากแต่สถาบันการเงินอื่นจะไม่เห็นข้อมูลนี้หากลูกหนี้เจ้าของบัญชี​ NPLs นี้ไปยื่นขอกู้ใหม่​กับสถาบันการเงินใหม่

“ ระยะเวลา​ 8 ปี จึงเป็นเหมือนกติกาที่แลกเปลี่ยน (Trade off) ระหว่าง​การไม่ยอมชำระหนี้​ การไม่ทำ​ TDR หรือปรับโครงสร้างหนี้ แลกกับการกู้เงินไม่ได้ในช่วง​ 8ปี​ เพื่อปกป้องคุ้มครองเงินฝากที่สถาบันการเงิน​จะเอามาให้กับลูกหนี้รายนี้​ วันนั้นมองกันว่า​ สมควรแกเหตุอยู่ที่ตรงนี้ครับ​ ใครจะเห็นด้วยเห็นต่างในวันนี้​ เอาที่สบายใจนะครับ​ ผมขอไม่อภิปรายต่อสู้ใด ๆ ทั้งสิ้น”

คำถาม​ : การแก้ไขลดระยะเวลาจาก​ 8 ปีทำได้หรือไม่​

คำตอบคือ​ ทำได้ โดยการออกประกาศ​ของคณะกรรมการ​คุ้มครอง​ข้อมูล​เครดิต​หรือประกาศ​ กคค. ​ โดยต้องชั่งน้ำหนักว่า​ ความเสี่ยงและการแลกเปลี่ยน​ หรือเป้าหมายที่จะให้ลูกหนี้เจ้าของบัญชีหนี้เสียที่ไม่จ่าย​ ไม่ทำ​ TDR นั้นสามารถยื่นขอกู้ได้โดยว่าที่เจ้าหนี้ใหม่ไม่เห็นข้อมูล​เมื่อใด​ ความเสี่ยงของสถาบันการเงินและผู้ฝากเงินรับได้ตรงไหน​ มาตรฐาน​สากลเป็นอย่างไร​ หากมีข้อมูล​ครบ​ ตัดสินใจได้เลย​ เครดิตบูโร​ไม่มีอำนาจตัดสินใจ​ เรามีหน้าที่ดำเนินการตามประกาศ​คำสั่งอย่างเดียว​

“ ไม่ต้องแก้กฎหมาย​ ทำแค่ออกประกาศ​ใหม่ทับประกาศเก่า จะทำหรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการ​คุ้มครอง​ข้อมูล​เครดิต​หรือ กคค. ​ คณะกรรมการฯดังกล่าวมีผู้ว่าการ ธปท. เป็นประธาน​ มีผู้ช่วยผู้ว่าการ​ ธปท. เป็นเลขานุการ ในส่วนของคณะกรรมการ​บริษัทของเครดิตบูโร​ หรือตัวผมเองไม่มีอำนาจใด ๆ เลย​ในเรื่องนี้ เราให้ข้อมูล​และรับคำสั่งมาปฏิบัติอย่างเดียว”

อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประสบภัย​จากโควิด-19 จนกลายเป็นหนี้เสีย​ ชำระหนี้ไม่ได้​ เป็นนโยบายมาทุกรัฐบาล​ และทุกรัฐบาลต้องการให้ลูกหนี้ที่มีบัญชีหนี้เสียนี้กลับเข้าสู่ระบบ​ กู้เงินได้อีกครั้ง​ แต่จะใช้วิธีการอย่างใดจึงจะสมดุลทั้งความเป็นธรรมของผู้เป็นหนี้เสีย​ที่ทุกข์​ทรมานจากผลกระทบของโควิด-19 จนไปต่อได้ยาก

โดยหลักกฎหมาย​ เป็นหนี้ต้องใช้หนี้​ สัญญาต้องเป็นสัญญา​ความเสี่ยงและความมั่นคงของระบบการเงิน​ ว่าหนี้เสียจะเพิ่ม​ จะลด​ คนเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มหรือลดลง  ความเสี่ยงของผู้ฝากเงินที่จะถูกนำไปปล่อยกู้ต่อว่าเขาเหล่านั้นคิดอย่างไร  ความรู้สึกของลูกหนี้ดีที่ชำระปกติมาโดยตลอดเขาจะคิดอย่างไร​ เป้าหมายทางนโยบายที่ต้องการผลสำเร็จที่ตอบโจทย์​กับปัญหาทางเศรษฐกิจ​ในปัจจุ​บัน ซึ่งการนำเสนอเป็นข้อมู​ลด้วยความสุจริตใจเป็นที่ตั้งเพราะอยู่ตรงกลาง​ ไม่มีส่วนได้เสียกับเจ้าหนี้​ ลูกหนี้​ ผู้กำกับดูแล​ และผู้กำหนดนโยบาย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img