วันพุธ, พฤศจิกายน 27, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSนายกฯย้ำชัดกับนักลงทุนสหรัฐฯ ไทยพร้อม“เปิดรับการลงทุน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯย้ำชัดกับนักลงทุนสหรัฐฯ ไทยพร้อม“เปิดรับการลงทุน

นายกฯย้ำชัดกับนักลงทุนสหรัฐฯ ไทยพร้อม “เปิดรับการลงทุน และไม่มีเวลาไหนดีไปกว่านี้ที่จะลงทุนในไทย”ร่วมเดินหน้าไปสู่บทใหม่ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯ ที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมองไปสู่อนาคต

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 31 พ.ค.ที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม Thailand-U.S. Trade and Investment Conference 2024: “Building on a Longstanding Partnership” ซึ่งจัดโดยหอการค้าไทย หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (The American Chamber of Commerce – AMCHAM) และหอการค้าสหรัฐอเมริกา (the U.S. Chamber of Commerce – USCC) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังกว่า 300 คน

โดยนายกฯ กล่าวขอบคุณความเป็นหุ้นส่วนที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างกัน พร้อมขอบคุณคำแนะนำเชิงนโยบาย  ได้นำแนวคิด “Five to Thrive” ซึ่ง AMCHAM แนะนำมาพิจารณา และมีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังย้ำชัดถึงข้อความที่ตั้งใจบอกไปยังนานาประเทศตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งว่าประเทศไทยเปิดพร้อมรับการลงทุน และไม่มีเวลาไหนดีไปกว่านี้ที่จะลงทุนในไทย Thailand is open for business, and there is no better time to invest in Thailand ความร่วมมือกับผู้ประกอบการทั่วโลกทำให้รัฐบาลมีความก้าวหน้าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการสนับสนุนการทำธุรกิจ  ผ่านการทบทวนกฎหมาย เปลี่ยนสู่รัฐบาลดิจิทัล และกระบวนการที่ไร้รอยต่อ เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ขยายเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (corporate income tax : CIT) ออกไปอีก 3- 5 ปี สำหรับ 5 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ได้แก่ อุตสาหกรรมสีเขียว ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค ในปี 2566  บีโอไอได้รับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 12.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อนถึง 47%

นายกฯ กล่าวต่อว่า แม้ว่าตัวเลขจะเป็นบวก แต่รัฐบาลยังต้องดำเนินการต่อเนื่องเพื่ออนาคตประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Ignite Thailand วางแผนงานประเทศในการเป็นศูนย์กลางใน 8 ภาคส่วนหลัก การท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพเกษตรกรรมและอาหาร การบิน โลจิสติกส์ ยานยนต์แห่งอนาคต เศรษฐกิจดิจิทัล และการเงิน  ขณะที่วิสัยทัศน์ Ignite Thailand เพื่อเชื่อมโยงกับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯ โดยรัฐบาลกำลังดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ ช่วยยกระดับการเชื่อมโยงการขนส่งทางบก และทางทะเล และเสนอโอกาสภายใต้ภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์การเมืองใหม่

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การบิน ไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการบินทั้งผู้โดยสารและสินค้า รัฐบาลกำลังเร่งสร้างสนามบินใหม่ และพัฒนาสนามบินที่มีอยู่ทั่วประเทศ สนามบินในกรุงเทพฯ ให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพครั้งใหญ่ สร้างอาคารผู้โดยสารฝั่งใต้แห่งใหม่ การขนส่งแบบ cold chain และการขนถ่ายสินค้าใหม่ และรันเวย์เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความจุผู้โดยสารทั้งหมดจาก 60 ล้านคนเป็น 150 ล้านคน และมีแผนสร้างสนามบินนานาชาติล้านนา ในภาคเหนือ และสนามบินนานาชาติอันดามัน ภาคใต้ รวมถึงเพิ่มอาคารผู้โดยสารสำหรับอากาศยานทางทะเล (Sea Plane) เพื่อเป็นทางเลือกในการคมนาคม จึงเสนอเชิญชวนนักธุรกิจสหรัฐฯ ให้ใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้

นายกฯ กล่าวอีกว่า ยานยนต์แห่งอนาคต ความยั่งยืนยังคงเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล การเปลี่ยนผ่านสีเขียวเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลได้วางแผนงานที่ครอบคลุมเพื่อให้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียน 50% ภายในปี 2583 ไทยมุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์กลางยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งระบบห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมอีวี จึงขอเชิญชวนสหรัฐฯ ให้เข้ามาลงทุน และสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศอีวี ที่ครอบคลุมและเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งในอนาคต  ขณะที่การท่องเที่ยว จะยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก โดยรัฐบาลกำลังปรับปรุงระบบการขอวีซ่า เพื่อให้การเดินทางเข้าประเทศง่ายขึ้น เพิ่มความคล่องตัวให้กับทั้งนักท่องเที่ยว และนักเดินทางเพื่อธุรกิจ

“ประเทศไทยเปิดและพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้ของสหรัฐฯ บทใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯ ที่เชื่อมโยงถึงกัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มองไปสู่อนาคต เป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น แต่ประเทศไทยพร้อม ขอให้มาร่วมเปลี่ยนวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันนี้ไปสู่การปฏิบัติ และการสนับสนุนของทุกคนว่าจะช่วยยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯไปอีกระดับ รัฐบาลพร้อมรับฟังและทำงานร่วมกัน เช่นที่เคยพูดเสมอว่า สิ่งใดควรทำ จะต้องทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ (what should be done, will be done)” นายกฯ กล่าว.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img