ครม.อนุมัติ 2 มาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวรับโลว์ซีซั่น เผยจัดสัมมนาเมืองรองหักรายจ่ายได้ 2 เท่า ส่วนบุคคลธรรมดาลดหย่อนภาษี ค่าไกด์-ที่พักไม่เกิน 15,000 บาท
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการทางภาษีกระตุ้นการสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว ในเมืองรองช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดสัมมนาในเมืองรอง ในช่วงที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของประเทศไทย โดยเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในส่วนของประชาชนและบริษัทที่เป็นนิติบุคคล
ทั้งนี้คาดว่ามาตรการนี้จะสูญเสียรายได้ตามที่กระทรวงการคลังประเมิน 1,500 ล้านบาท แต่คาดว่ามูลค่าที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจจะได้มากกว่า 1,500 ล้านบาทอย่างแน่นอน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติมาตรการทางภาษี เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวในเมืองรองช่วง Low Season ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2 มาตรการ ประกอบด้วย
1.มาตรการภาษีกระตุ้นสัมมนาในประเทศ สำหรับนิติบุคคล ให้สามารถนำรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-30 พ.ย.67
โดยสามารถหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
1.1 หักรายจ่ายได้ 2 เท่า สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดใน “จังหวัดท่องเที่ยวรอง” หรือในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นใดที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
1.2 หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในท้องที่อื่นนอกจากท้องที่ตามข้อ 1
1.3 ในกรณีที่การสัมมนาเกิดขึ้นในท้องที่ตามข้อ 1 และข้อ 2 ต่อเนื่องกัน ให้หักรายจ่ายที่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดตามข้อ 1 หรือข้อ 2 และถ้าแยกไม่ได้ให้หัก 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
2.มาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง สำหรับบุคคลธรรมดา สามารถนำค่าบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทยหรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวใน “จังหวัดท่องเที่ยวรอง” ได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15,000 บาท หักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่ 1 พ.ค.ถึง 30 พ.ย.67 ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season)
โดยทั้ง 2 มาตรการ ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)