เอกชนหวั่นปัญหาการเมืองเลื่อนการตัดสินคดี “นายกรัฐมนตรี” ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติเผ่นหนีไทย-กระทบเศรษฐกิจ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนนัดพิจารณาคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นวันที่ 24 ก.ค.นี้ จากที่ สว.จำนวน 40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาว่านายเศรษฐา นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เพราะเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลว่า ปัญหาทางการเมืองส่งผลอย่างชัดเจนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เห็นได้จากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง เม็ดเงินลงทุนไหลออก แต่ถ้าสถานการณ์ชัดเจนก็จะส่งผลดีมากกว่า
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นักลงทุนรอผลการพิจารณาคดีนายกรัฐมนตรีทำให้บรรยากาศการลงทุนมีความอึมครึม เพราะยังจะต้องมีการลุ้นต่อว่าจะเป็นบวกก็ได้เป็นลบก็ได้ ดังนั้น หากตัดสินมาแล้ว ทุกคนจะได้รู้ทิศทางในการดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไรก็ตาม ทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างมองว่าเป็นการซื้อเวลาทำให้ต้องรอความชัดเจน รวมถึงการจะตัดสินใจลงทุนอะไรออกไปก็อาจจะต้องชะลอออกไปด้วย ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บล. เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่าส่วนเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้ได้รับแรงกดดันจากความความไม่แน่นอนทั้งการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ และต้องรอดูว่าคดีตัดสินนายกฯ จะกระทบนโยบายของรัฐบาลที่จะดำเนินการหรือไม่ โดยเฉพาะมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต คาดว่ารัฐเร่งเบิกจ่ายในไตรมาส 3 รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ช่วยสนับสนุนบาทอ่อน ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทย ทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ปรับตัวดีขึ้นต่อได้ นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น ประเมินเป็นจุดกลับของฟันด์โฟวล์ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย มองกรอบดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,450 จุด