วันอังคาร, กันยายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightกำลังซื้อไทยเริ่มฟื้น-ดันดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัว“เพิ่มขึ้น”ครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กำลังซื้อไทยเริ่มฟื้น-ดันดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัว“เพิ่มขึ้น”ครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรก ในรอบ 4 เดือน หลังความต้องการสินค้าอุปโภค-บริโภคปรับตัวเพิ่ม ขณะที่รัฐเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการกังวล 3 ปัจจัยเสี่ยง จี้รัฐเร่งอุดช่องโหว่ สินค้าต่างประเทศราคาถูก ทะลักเข้าประเทศ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคมว่า อยู่ที่ระดับ 89.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 87.2 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยา เครื่องสำอาง ขณะที่การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นและส่งผลดีต่อสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง

นอกจากนี้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนขยายตัวต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2567) มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 458,359 ล้านบาท ขยายตัว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงโลว์ซีซั่นของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม ยังมีปัจจัยลบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งยังกดดันการบริโภคในประเทศ เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศในช่วง 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน ) ที่หดตัว 24.16% และยอดส่งออกรถยนต์หดตัว 1.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ ขณะเดียวกันในด้านการส่งออกชะลอตัวลงโดยเฉพาะสินค้าคงทนประเภทเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าระวางเรือและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มต่างๆ (Surcharge)

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,323 ราย ครอบคลุม 46 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนกรกฎาคม 2567 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก 66.8% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 58.7% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 37.9% ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 61.2% ราคาน้ำมัน 60.6% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 57.1%

ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 95.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 93.4 ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet แต่อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ผู้ประกอบการยังห่วงกังวล ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของภาคการส่งออก ขณะที่ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน

เกรียงไกร เธียรนุกุล

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

1.เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อลดการใช้พลังงาน รวมทั้งส่งเสริมระบบบริหารจัดการพลังงานในภาคขนส่ง อาทิ สนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรม SME (ENERGY POINTS 3)

2.เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการกำหนดดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูกและสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ

3.เสนอให้ภาครัฐกำหนดเงื่อนไขการซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือสินค้า Made in Thailand ใน โครงการ Digital Wallet เพื่อสร้างโอกาสและทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในธุรกิจของผู้ประกอบการไทย

    - Advertisment -spot_img
    - Advertisment -spot_imgspot_img

    Featured

    - Advertisment -spot_img
    Advertismentspot_imgspot_img
    spot_imgspot_img