“ภูสิต” เผยผลสำรวจตลาดเครื่องดื่มในเวียดนามบูม แนะส่งออก-ขยายการลงทุน จับกลุ่ม Gen Z ทำตลาดผ่านออนไลน์มุ่งสินค้าเพื่อสุขภาพ
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวอุษาศรี เขียวระยับ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ถึงศักยภาพของตลาดอาหารและเครื่องดื่มในเวียดนามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และโอกาสในการส่งออกและการเข้าไปลงทุนของผู้ประกอบการไทย
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในเวียดนาม มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น ต้นเดือน พ.ค.2567 บริษัท Tetra Pak ซึ่งเป็นบริษัทโซลูชั่นด้านกระบวนการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ ได้ทุ่มเงินเพิ่มอีก 105.0 ล้านเหรียญสหรัฐในโรงงาน ผลิตบรรจุภัณฑ์ในจังหวัดบิ่นห์เยือง จากเดิมเมื่อปี 2564 ที่ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เดือน เม.ย.2567
บริษัท Suntory PepsiCo Vietnam เริ่มก่อสร้างโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกือบ 20 เฮคเตอร์ในจังหวัดลองอาน มีการลงทุนมากกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะมี กําลังการผลิต 800 ล้านลิตรต่อปี เดือน ม.ค.2567
บริษัท Nestlé Vietnam ได้ประกาศการลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเพิ่มกําลังการผลิตของโรงงานกาแฟ Tri An ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดด่งนาย เดือน พ.ค.2567 บริษัท VNDirect ได้ประกาศแผนการเข้าซื้อกิจการ Goldsun Food JSC ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหาร King BBQ และ ThaiExpress ในเวียดนาม เดือน เม.ย.2567
บริษัท Homefarm ระดมทุนได้ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐจากบริษัท Mitsubishi Foods และบริษัท ThaiNamthip จำกัด ของไทย ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Coca-Cola Beverages Vietnam ร้อยละ 30 ด้วยมูลค่า 221.1 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือน ก.พ.2567
สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร บริษัท Euromonitor คาดว่ามูลค่าของตลาดอาหารและเครื่องดื่มของเวียดนามในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.92 โดยนักลงทุนที่สนใจตลาดเวียดนามอย่างมาก คือ นักลงทุนจีน โดยบริษัท Mixue เป็นผู้นําในกลุ่มแบรนด์อาหารจีนที่กําลังเติบโตในเวียดนาม นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2561 บริษัท Mixue ได้ขยายเครือข่ายไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟและชานมไข่มุกเป็น 1,000 แห่งทั่วเวียดนามภายในปี 2566
ขณะเดียวกัน เครือกาแฟ Cotti Coffee ของจีนได้เข้าสู่เวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจไปทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งในเดือน ธ.ค.2566 แบรนด์ Cotti Coffee ได้เปิดสาขาในต่างประเทศ 8 แห่ง เวียดนามทั้งในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์เป็นตลาดต่างประเทศแห่งที่ 6 ของแบรนด์ ร่วมกับเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น แคนาดา และฮ่องกง ส่วนร้านอาหาร แบรนด์จีนรายใหญ่ก็มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง เช่น แบรนด์ Haidilao แบรนด์ San Fu Lou แบรนด์ Hutong และแบรนด์ Crystal Jade ตามรายงานล่าสุดโดยบริษัท iPOS.vn ร้านอาหารจีนคิดเป็นร้อยละ 10 ของร้านอาหารนานาชาติในกรุงฮานอย
ปัจจุบันเวียดนามอยู่ใน 10 อันดับแรกของตลาดที่น่าดึงดูดที่สุดในเอเชีย และรายได้จากการค้าปลีกรวมของผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและบริการ มีอัตราการเติบโตที่มั่นคง และแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะประสบปัญหา แต่ตลาดอาหารและเครื่องดื่มเวียดนามยังคงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเครือข่ายชั้นนำ แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่มีศักยภาพสูงและมีตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาด เช่น แบรนด์ Trung Nguyen Legend
แบรนด์ Highlands Coffee แบรนด์ Cong Coffee แบรนด์ Katinat Saigon Kafe แบรนด์ Cheese Coffee หรือแบรนด์ Phe La ต่างก็พยายามขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ
ในรูปแบบแฟรนไชส์ด้วย
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของเวียดนามในปี 2567 ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเน้นกลุ่มลูกค้า Gen Z เป็นอย่างมาก เนื่องจาก Gen Z ค่อย ๆ กลายเป็นกลุ่มลูกค้าที่ครองตลาด กลุ่ม Gen Z เป็นลูกค้าที่พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ Gen Z จึงยินดีจ่ายเงินเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น มีการใช้ทำตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และชาวเวียดนามให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทย ที่จะศึกษาความต้องการของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และวางแผนในการผลิตและส่งออกสินค้าที่ตรงตามความต้องการ ก็จะเพิ่มโอกาสในการส่งออก หรือเพิ่มโอกาสในการเข้าไปลงทุนในเวียดนามได้เพิ่มขึ้น