วันเสาร์, กันยายน 28, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“สุริยะ”ดันรถไฟฟ้า 20 บ.ตลอดสายทุกสี คาดใช้งบ 16,000 ล้านบ.-เริ่มก.ย.2568
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สุริยะ”ดันรถไฟฟ้า 20 บ.ตลอดสายทุกสี คาดใช้งบ 16,000 ล้านบ.-เริ่มก.ย.2568

“สุริยะ” ตั้งคณะทำงานลุยนโยบายมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ทุกสีทุกสายตามเป้าหมายในเดือน ก.ย.68 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน คาดใช้งบประมาณ 16,000 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯเตรียมตั้งคณะทำงาน เพื่อเร่งรัดนโยบายมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นได้จริงกับรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทุกสีทุกสายตามเป้าหมายในเดือน ก.ย.68 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน รวมทั้งดูรายละเอียดในแต่ละเรื่องจะทำให้งานเดินหน้าได้เร็วขึ้น เช่น การผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และการจัดหาเงินเข้ากองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เป็นต้น

หลังจากวันที่ 16 ต.ค.66 ที่ผ่านมาได้นำร่องมาตรการดังกล่าวกับรถไฟฟ้าแล้ว 2 สาย ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง (รถไฟฟ้าสายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีปริมาณผู้โดยสารทั้ง 2 สายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะร่างกฎหมายตั๋วร่วม ต้องพยายามผลักดันให้มีผลบังคับใช้ก่อนเดือน ก.ย.68 เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะสนับสนุนการดำเนินงาน และลดข้อจำกัดจากสัญญาสัมปทานเดิม ซึ่งเวลานี้การผลักดันร่างกฎหมายอาจล่าช้าไปประมาณ 1 เดือน เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล และต้องเสนอครม.และเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และประกาศใช้บังคับกฎหมายดังกล่าวต่อไป

ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่ากว่ากฎหมายแต่ละฉบับ จะมีผลบังคับใช้ได้ ต้องผ่านหลายกระบวนการ ทั้งการตรวจร่างกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา(สคก.) ซึ่งจากที่กระทรวงได้ประสานขอหารือกับ สคก. ระบุว่าต้องใช้เวลาตรวจประมาณ 4 เดือน ซึ่งอาจจะล่าช้าเกินไป และไม่ทันกับเป้าหมายที่วางไว้ ทาง สคก. ยืนยันจะช่วยเร่งรัดในการดำเนินการต่อไป 

ทั้งนี้จากการสอบถามกรมการขนส่งทางราง (ขร.) พบว่า หากดำเนินมาตรการดังกล่าวกับรถไฟฟ้าทุกสีทุกสายตั้งแต่เดือน ก.ย.68 จนครบวาระรัฐบาล ซึ่งเหลืออีกประมาณ 2 ปี ต้องใช้เงินสนับสนุนมาตรการดังกล่าวปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือ 2 ปี ประมาณ 16,000 ล้านบาท

สำหรับนี้เงินที่จะสมทบเข้ากองทุนฯตั๋วร่วม จะนำเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ซึ่งเป็นเงินส่วนแบ่งรายได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มาสมทบเข้ากองทุนฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้จะหาเงินสมทบจากแหล่งเงินอื่นด้วย อาทิ กองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น โดยเงินในส่วนของ รฟม. ทางกระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบกับ สคก. แล้วว่า สามารถดำเนินการได้ ขณะเดียวกันหากร่างกฎหมายตั๋วร่วม ยังไม่ประกาศใช้ จะไม่สามารถนำเงิน รฟม. มาใช้สนับสนุนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ ดังนั้นหากจะใช้เงินดังกล่าวได้ต่อเมื่อเป็นรถไฟฟ้าภายใต้การกำกับดูแลของ รฟม. เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องมีคณะทำงาน เพื่อเข้าไปเร่งรัดในรายละเอียดต่าง ๆ ทุกจุดให้กฎหมายประกาศใช้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img