วันพุธ, ตุลาคม 9, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“กกท.”ลุยพัฒนา“ท่าเรือสีเขียวทั้งระบบ” ตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี93
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กกท.”ลุยพัฒนา“ท่าเรือสีเขียวทั้งระบบ” ตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี93

“กกท.” เดินหน้าพัฒนาท่าเรือสีเขียวทั้งระบบ ตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 93 ดันท่าเรือของไทยเป็นท่าเรือชั้นนำของโลก ควบคู่กับการให้บริการธุรกิจด้านโลจิสติกส์

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท.มีแผนพัฒนาท่าเรือเป็นท่าเรือสีเขียวทั้งระบบ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น เทคโนโลยี 5G พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน รวมถึงการประยุกต์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น  เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือของท่าเรือแหลมฉบังอยู่ที่ 10.7 ล้านที.อี.ยู. โดยปัจจุบันไทยอยู่ลำดับที่ 17 ของโลก หากต้องการให้ไทยเป็นศูนย์การรขนส่งทางเรือจำเป็นที่ไทยต้องเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้สายเรือต่าง ๆ มาใช้บริการมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม กทท. เตรียมศึกษาท่าเรือเพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ทั้งระบบภายในปี 68 โดยตั้งเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 93 โดยกทท.มีภารกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาท่าเรือที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุด สามารถรองรับการขนส่งโลจิสติกส์และบริหารจัดการได้ทั้งระบบ โดยเฉพาะ การก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 วงเงิน 1.14 แสนล้านบาทนั้น ได้กำหนดแผนพัฒนาท่าเรือสำหรับการเป็นท่าเรือสีเขียวอย่างสมบูรณ์  โดยผู้รับสัมปทานต้องดำเนินการออกแบบท่าเรือในการลดการปล่อยของเสีย การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาชุมชนโดยรอบให้เกิดประโยชน์

ส่วนท่าเรือชุมพร-ระนอง (แลนด์บริดจ์) 1 ล้านล้านบาท ซึ่งติดกับชายฝั่งทะเลอันดามัน ปัจจุบันมีปริมาณการขนส่งสินค้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลนี้ โดยมุ่งเน้นการใช้จังหวัดระนองเป็นจุดเชื่อมโยงทำให้เกิดความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก

“โครงการแลนด์บริดจ์ ถือเป็นโครงการนำร่องที่เชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจเอเชียตอนใต้ เนื่องจากเป็นการขนส่งสินค้าทางเรือที่ใกล้ที่สุดเมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าทางถนน ขณะเดียวกันกทท.มีแผนพัฒนาท่าเรือระนองอีกมิติที่มุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจสู่การเป็นท่าเรือสีเขียวควบคู่ไปพร้อมกัน”

ด้านท่าเรือกรุงเทพเตรียมพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ พัฒนาท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่งบลงทุน นั้น กทท.ได้ดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยของเสีย รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เช่น รถยกสินค้าภายในเขตท่าเรือ เป็นต้น  
 
นอกจากนี้การทำงานร่วมกับภาคธุรกิจเพื่อส่งเสริมท่าเทียบเรือ ตลอดจนการบริหารจัดการท่าเรือทั้งระบบ สู่การลดคาร์บอนไดออกไซด์  ซึ่งกทท.ให้ความสำคัญในการบริหารท่าเรือสีเขียว โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด รวมทั้งการนำรถพลังงานไฟฟ้ามาปรับใช้ภายในเขตท่าเรือ เป็นต้น 

สำหรับยุทธศาสตร์ของกทท. คือ การทำให้ท่าเรือของกทท.เป็นท่าเรือชั้นนำของโลก ควบคู่กับการให้บริการธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่เหมาะสมกับภาคธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ ตลอดจนการสร้างความยั่งยืน ดังนี้1.การนำเทคโนโลยีมาใช้ (Digitalization) 2.การบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonzation)  ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์มาใช้ในการขับเคลื่อนเพื่อลดของเสีย 

นอกจากนี้จะต้องพัฒนาท่าเรือให้เกิดประโยชน์สูงสุดสอดรับกับนโยบายของภาครัฐและประเทศได้ต่อเมื่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ (Digitalization)  และการบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonzation) จะทำให้เกิดความยั่งยืนของประเทศได้
 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img