เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ติดตามข้อมูลยอดค้าปลีก-สหรัฐฯ ประชุมธนาคารกลางยุโรป -กนง.ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย-พันธบัตร 3.6 หมื่นล้านบาท
น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยถึงทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าว่า กรอบการเคลื่อนไหว 33.00-33.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ติดตามข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป คาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% นอกจากนี้ ยังคงรอดูมาตรการกระตุ้นทางด้านการคลังของจีน สถานการณ์ตะวันออกกลาง ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
สำหรับปัจจัยในประเทศคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยด้วยเสียงไม่เอกฉันท์ในวันที่ 16 ต.ค. เนื่องจากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่กนง.ประเมินไว้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเราคาดว่ากนง.จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า อย่างไรก็ตาม หากมติรอบนี้ออกมาสูสีมากและมีการปรับโทน ซึ่งธนาคารอาจจำเป็นต้องปรับมุมมองต่อไป
ส่วนการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคช่วง 1 ต.ค.-14 ต.ค. พบว่า สกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนค่า นำโดยริงกิต-มาเลเซีย 3.85% รองลงมาเป็นบาท-ไทย 3.47%รูเปียห์-อินโดนีเซีย 3.03% วอน-เกาหลีใต้ 2.59% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 2.15% ดอลลาร์-ไต้หวัน 1.65% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 1.63% ดอง-เวียดนาม 1.01% หยวน-จีน 0.81% รูปี-อินเดีย 0.30%
ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าในเดือนนี้มาจาก ตามทิศทางสกุลเงินในกลุ่มตลาดกำลังพัฒนาในเอเซีย ท่ามกลางการทบทวนมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยข้อมูลจ้างงานเดือนก.ย.ของสหรัฐฯที่สดใสเกินคาด และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดทำให้ตลาดมองว่าเฟดไม่เร่งลดดอกเบี้ย แม้จะเริ่มต้นวัฎจักรผ่อนคลายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย.ก็ตาม ในทางตรงกันข้าม ท่าทีของธนาคารกลางหลักแห่งอื่นๆนอกสหรัฐฯส่งสัญญาณเปิดทางผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เดือนนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายหุ้นไทยสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท และพันธบัตรขายสุทธิ 2 หมื่นล้านบาท
