“ลวรณ” เผยคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้นายกรัฐมนตรีวันที่ 31 ต.ค.นี้ หวังดันจีดีพีไทยโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.7-2.8%
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของกระทรวงการคลัง ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบในช่วงที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เพื่อเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ในวันที่ 31 ต.ค.67 โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการหารือและเตรียมแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 ว่าจะมีการออกมาตรการอะไร และควรออกมาตรการในช่วงเวลาใด
ส่วนผลการจัดเก็บรายได้รัฐงบประมาณประจำปี 2567 (ต.ค.2566-ก.ย.2567) ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 4,000-5,000 ล้านบาท ถือเป็นการพลาดเป้าจากประมาณการในงบประมาณเล็กน้อย โดยไม่มีการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติม โดยสาเหตุมาจากช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนทำให้เงินบาทแข็งค่า ส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าลดลง ซึ่งหากไม่มีปัจจัยเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ตามเอกสารประมาณการงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเห็นว่าการที่จัดเก็บรายได้ที่ไม่เป็นไปประมาณการ จะไม่มีผลต่อการขาดดุลงบประมาณปี 2567 เพิ่มเติม เนื่องจากมีส่วนการเบิกจ่ายที่ไม่เป็นไปตามเป้าเช่นกัน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้รับทราบข้อเสนอของเอกชนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2567 โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบ เช่น ช่วงเวลาการออกมาตรการและรูปแบบมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไหนจะมีความเหมาะสมที่สุด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ 14.5 ล้านคน รวมวงเงิน 120,000 ล้านบาท
สำหรับการเศรษฐกิจปี 2567 คาดว่าจะขยายตัว 2.7-2.8% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการในช่วงที่เหลือของปี 2567 ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจึงทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ตามประมาณการณ์ที่ตั้งไว้ รวมทั้งมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3-5% ในอนาคต
นายจุลพันธ์ อมรวิวิฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น คาดว่าจะนัดประชุมครั้งแรกเร็วๆ นี้ ซึ่งยังต้องรอให้ ทางนายกฯ เป็นผู้กำหนดวันและวาระการประชุมดังกล่าวอีกครั้ง
สำหรับกระทรวงการคลังได้เตรียมพร้อมในหลายเรื่อง โดยอันดับแรกคือ การเดินหน้าโครงการโอนเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งอาจจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ ยอมรับว่า โครงการแจกเงิน 10,00 บาท เฟสที่ 2 นั้น ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งเครื่องทางการคลังไปหนักพอสมควร ก็อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นในระดับที่เหมาะสม โดยจะต้องดูว่าเม็ดเงินมีเท่าไหร่ และยอดคนลงทะเบียนเท่าไหร่ ถ้าอยู่ในระดับที่ทำได้ทั้งหมด รัฐบาลก็จะดำเนินการในครั้งเดียว