จับตาประชุมเจ้าหนี้การบินไทยโหวตแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ ตีความคลังเป็นเจ้าหนี้หรือไม่

วันนี้ประชุมเจ้าหนี้การบินไทยพิจารณาโหวตแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ ทั้งขอลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้-พิจารณาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟู ส่วนกรณีที่คลังขอเพิ่มผู้บริหารแผน 2 คนนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้แต่ละกลุ่ม ตีความว่าคลังอยู่ในสถานะเจ้าหนี้อยู่หรือไม่ หลังใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนครบ 100%

รายงานข่าวจากการบินไทย แจ้งว่า ในการประชุมเจ้าหนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในวันนี้ (29 พ.ย.) จะมีการพิจารณาโหวต เพื่อแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ 3 ประเด็น คือ 1.ขอลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างผลขาดทุนสะสมหลักทรัพย์ที่มีประมาณ 60,000 ล้านบาท 2.ขอพิจารณาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟู โดยการบินไทยจะเสนอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อนกำหนด เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าจำนวนเงินปันผลที่จะมีการเสนอจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น ๆ ซึ่งใน 2 วาระนี้เจ้าหนี้ส่วนใหญ่จะโหวตผ่าน เนื่องจากเป็นประเด็นที่เกิดประโยชน์ต่อเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นในอนาคต 3.ขอพิจารณาเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟู 2 ราย ประกอบด้วย นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่ง และจราจร กระทรวงคมนาคม และนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังจากปัจจุบันมี 3 คนนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหนี้แต่ละกลุ่ม

ทั้งนี้ในช่วง 19-21 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหนี้จำนวนมากแสดงเจตนาแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของการบินไทยและทำให้เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ต้องการแปลงหนี้เป็นผู้ถือหุ้นต่อ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงการคลังทราบว่ามีการแปลงหนี้ตามสิทธิ 100% ส่งผลให้ปัจจุบันกระทรวงการคลังไม่ถือเป็นเจ้าหนี้การบินไทย แต่กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใหม่แล้ว

ทั้งนี้การโหวตแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการนั้น ตามหลักจะเป็นการใช้สิทธิโหวตโดยเจ้าหนี้ ดังนั้นเมื่อปัจจุบันกระทรวงการคลังไม่ถือเป็นกลุ่มเจ้าหนี้แล้วเนื่องจากใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนทั้งหมด จึงเป็นเรื่องที่ต้องติตตามว่ากระทรวงการคลังจะใช้สิทธิในการโหวตแก้ไขแผนฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงวาระ 3 เรื่องการเพิ่มผู้บริหารแผนที่กระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอเข้ามาเองได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเปิดให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนแล้วเสร็จ พบว่ากระทรวงการคลังเป็นเจ้าหนี้เพียงรายเดียวที่มีการแปลงหนี้เป็นทุน 100% ส่งผลให้กระทรวงการคลังจะมีสถานะกลับมาเป็นผู้ถือหุ้นการบินไทย รวมทั้งการบินไทยได้ยื่นเอกสารจดทะเบียนผู้ถือหุ้นไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.67 เพื่อทำให้กระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนเสร็จสิ้นสมบูรณ์

นอกจากนี้ ทราบว่าปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังอยู่ระหว่างกระบวนการจดทะเบียนผู้ถือหุ้นดังกล่าว ทำให้สถานะการแปลงหนี้เป็นทุนของกระทรวงการคลังยังไม่สมบูรณ์ในเชิงกฎหมาย ดังนั้นในวันที่ 29 พ.ย.67 เชื่อว่าจะมีการหยิบยกประเด็นการพิจารณาสถานะเจ้าหนี้ของกระทรวงการคลังมาหารือ เพื่อพิจารณาใช้สิทธิการเป็นเจ้าหนี้โหวตแก้ไขแผนฟื้นฟู ซึ่งรวมถึงวาระการเพิ่มผู้บริหารแผนด้วย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 67ที่ผ่านมา การบินไทย ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วของบริษัท อันเกิดจากการแปลงหนี้เป็นทุนของแผนฟื้นฟูกิจการตามที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการดังกล่าว โดยเมื่อศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว ของบริษัทอันเกิดจากการแปลงหนี้เป็นทุนของแผนฟื้นฟูกิจการแล้วนั้น ย่อมเป็นกรณีถือเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัดในการดำเนินการตามคำสั่งศาล  

อย่างไรก็ตาม พบว่าสำนักงานบริการหนี้สาธารณะ(สบน.) กระทรวงการคลังได้มีหนังสือถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอให้ชะลอการจดทะเบียนจนหลังวันที่ 29 พ.ย. 67  ทำให้การจดทะเบียนล่าช้าได้ส่งผลกระทบทางการเงินต่อบริษัทการบินไทย  คือ ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยให้แก่เจ้าหนี้ วันละ 2 ล้านบาท ซึ่งการบินไทยคงต้องดำเนินการตามกฏหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่อไป