“ปตท.” ปรับแผนลงทุน 5 ปีสอดรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คาดแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.นี้ หวังเศรษฐกิจฟื้นดันรายได้ปีหน้าเติบโตต่อเนื่อง คาดปีนี้แตะ 3.18 ล้านล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน
นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างทำแผนงบลงทุนใหม่ระยะ 5 ปีข้างหน้า (2568-2572) คาดว่าแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งรวมถึงการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
สำหรับธุรกิจสำรวจและผลิตคาดมีปริมาณขายเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโครงการจี 1 ที่กำลังผลิตคาดปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯ ยังรักษาให้อยู่ในระดับที่ความสามารถแข่งขันได้ แม้ราคาขายเฉลี่ยจะปรับลดลง และเศรษฐกิจไทยยังทยอยฟื้นตัว
ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดจะมีผลบวกจากกำลังผลิตของโรงแยกก๊าซฯ ที่น่าจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตของก๊าซฯ ในอ่าวที่มากขึ้น ด้านต้นทุนก๊าซฯ คาดจะทรงตัวระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งในอ่าวไทยและเมียนมารวมทั้งความต้องการใช้ก๊าซฯ ในประเทศคาดปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว และบริการยังปรับตัวดี
ด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) นั้น การฟื้นตัวเศรษฐกิจ และกิจกรรมโปรโมชันต่างๆ ส่งผลให้ยอดขายน่าจะปรับตัวขึ้น ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ยังมีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ และค่าการกลั่น (GRM) อาจปรับตัวลดลง ซึ่งคาด GRM ตลาดสิงคโปร์ปีหน้าจะอยู่ที่ 3.7-4.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจากแผนหยุดซ่อมบำรุงของหลายโรงกลั่น รวมถึงยังมีหลายปัจจัยกดดันราคาในปีหน้า
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมียังมีหลายแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ทั้งการฟื้นตัวความต้องการซื้อยังจำกัดจากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ด้านซัพพลายยังมีการผลิตใหม่เข้ามาต่อ ดังนั้น คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลายๆ ประเทศกำลังออกมาจะช่วยในส่วนราคาให้ปรับเพิ่มขึ้นได้ปีหน้า
ส่วนผลผลดำเนินงานปี 2568 คาดยังเติบโตต่อจากปี 2567 จากปริมาณการขายคาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจเติบโตกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดจีดีพีปีหน้าเติบโต 3% จาก2.8% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ปีหน้ายังมีปัจจัยกดกันก๊าซฯสำรองในเอเชียและยุโรปที่ยังคงอยู่ระดับสูง จากการที่มีโครงการ LNG ใหม่ๆ ที่เปิดดำเนินการเป็นจำนวนมาก รวมถึงราคาน้ำมันดิบปีหน้ามีแนวโน้มอ่อนตัวลง เทียบกับปีนี้ปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาตร์ยังมีความไม่แน่นอน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงต้นทุนการผลิต และขนส่งทางเรือที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ปััจจัยในประเทศรัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นตัวกระตุ้นความต้องการเพิ่มขึ้น
โดยปีนี้คาดว่ารายได้ปีนี้คาดใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 3,185,256 ล้านบาท แม้ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำรายได้แล้ว 2,366,080 ล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ช่วงไตรมาส 4/67 ทิศทางราคาพลังงานจะปรับตัวลง