“ฉันทานนท์” เผย 10 เดือนไทยส่งออกสินค้าเกษตร 1.53 ล้านล้านบาท นำเข้ามูลค่า 610,041 ล้านบาท ไทย เกินดุลถึง 926,663 ล้านบาท ข้าวครองแชมป์สูงสุด รองลงมาเป็นทุเรียนทุเรียนสด-ยางธรรมชาติสด ชี้ตลาดจีน-สหรัฐฯ-อาเซียนมาแรง
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลกในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – ตุลาคม 2567) พบว่า ไทยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร (พิกัด 01-24 รวมยางพารา) รวมทั้งสิ้น 2,146,745 ล้านบาท โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 1,536,704 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.24 การนำเข้ามูลค่า 610,041 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15 ส่งผลให้ไทยมีดุลการค้าสินค้าเกษตรเกินดุลถึง 926,663 ล้านบาท
เมื่อพิจารณาจากสถิติการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับโลก ในเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 พบว่า สินค้าเกษตร ที่มูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ ข้าว มูลค่า 168,685 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 39.24 ทุเรียนสด มูลค่า 130,352 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.57 ยางธรรมชาติ มูลค่า 95,927 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 54.33 ไก่แปรรูป มูลค่า 87,009 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.75 และอาหารสุนัขหรือแมว มูลค่า 79,071 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 35.45
ในขณะที่สินค้าเกษตรที่ไทยนำเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ ถั่วเหลือง มูลค่า 56,613 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 10.38 กากน้ำมัน และกากแข็งอื่นๆ ที่ได้จากการสกัดน้ำมันถั่วเหลือง มูลค่า 43,780 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 22.90 ปลาสคิปแจ็คแช่แข็ง มูลค่า 32,452 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 26.75 ข้าวสาลีและเมสลิน มูลค่า 31,820 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 23.51 และอาหารปรุงแต่งอื่นๆ (อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม) มูลค่า 28,131 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 22.62 โดยในส่วนของสินค้าที่ไทยนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าวัตถุดิบที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ เช่น ถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง รวมถึงการนำเข้ามาเพื่อแปรรูปเป็นอาหารสุนัขหรือแมวส่งออกไปต่างประเทศต่อไป
ประเทศคู่ค้าสำคัญที่ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อาเซียน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีความตกลงการค้าเสรีกับไทยแล้ว ยกเว้นสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ แนวโน้มการค้าสินค้าเกษตรของไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ในภาพรวมถือว่าสินค้าเกษตรยังคงมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ประกอบกับไทยยังคงได้เปรียบดุลการค้าสินค้าเกษตรกับประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยทุกประเทศข้างต้น ถึงแม้ว่า สถานการณ์การค้าโลกในช่วงนี้ยังคงเผชิญความท้าทายหลากหลายด้าน อาทิ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของโลก ความตึงเครียดและความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ นโยบายสีเขียวและความยั่งยืน
รวมถึงสภาพอากาศในยุคโลกเดือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จากสถิติการค้าสินค้าเกษตรของไทยในหลายปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่นในระดับโลก โดยปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อการค้าสินค้าเกษตรของไทย ได้แก่ ความหลากหลายของสินค้าเกษตรที่ผลิตและส่งออก การพัฒนาเทคโนโลยี ในการผลิตและการแปรรูปสินค้าเกษตร ตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างมากในภูมิภาคเอเชียและตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม หลังจากการกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงนโยบาย “Make America Great Again” สานต่อ “American First” ที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐ โดยประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึงร้อยละ 60 และจากประเทศอื่น ๆ ร้อยละ 10-20 เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ทำให้ไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์ทางการค้าและการส่งออก
โดยให้ความสำคัญกับการหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ ๆ เนื่องจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ กับจีนอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ไทยต้องกระจายความเสี่ยงของตลาดส่งออก เร่งหาตลาดใหม่ เพิ่มความหลากหลายของแหล่งวัตถุดิบและสินค้านำเข้า โดยไม่พึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ตลอดจนพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ ไทยอยู่ระหว่างการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) หลายฉบับ เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและช่วยส่งเสริมการเติบโตของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกต่อไป
ด้าน นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการ สศก. กล่าวถึงรายละเอียดสถิติการค้าสินค้าเกษตรกับประเทศ คู่ค้าหลัก ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 จะพบว่า ไทยและจีนมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันรวม 460,086 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.88 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 375,323 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.73 และการนำเข้า 84,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.08
โดยไทยได้ดุลการค้า 290,560 ล้านบาท ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ทุเรียนสด ยางธรรมชาติ น้ำตาล สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง และผลไม้และลูกนัตอื่นๆ และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ องุ่นสด ปลาทูนากระป๋อง แอปเปิลสด อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ (อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผงครีมเทียม) และของปรุงแต่งที่ใช้เลี้ยงสัตว์ (อาทิ อาหารสุกร อาหารกุ้ง)
ไทยและอาเซียนมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันรวม 501,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.92 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 345,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.20 และการนำเข้า 155,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.20 โดยไทยได้ดุลการค้า 190,218 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ข้าว น้ำตาลที่ได้จากอ้อย (อาทิ น้ำตาลทรายบริสุทธิ์) น้ำตาลดิบ น้ำ/น้ำอัดลม/น้ำแร่ และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (อาทิ นมยูเอชที นมถั่วเหลือง) และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพด อาหารปรุงแต่งอื่นๆ (อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม) เมล็ดกาแฟดิบ (ไม่คั่ว) และผลไม้และลูกนัตอื่นๆ
ไทยและสหรัฐอเมริกามีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันรวม 188,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.37 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 152,477 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.06 และการนำเข้า 35,548 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.35 โดยไทยได้ดุลการค้า 116,929 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ อาหารสุนัขหรือแมว ข้าว ปลาทูนากระป๋อง ยางธรรมชาติ และน้ำผลไม้ และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ ข้าวสาลีและเมสลิน ถั่วเหลือง อาหารปรุงแต่ง (อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม) ของปรุงแต่งที่ใช้เลี้ยงสัตว์ (อาทิ อาหารสุกร อาหารกุ้ง) และขี้ตะกอนและเศษจากการต้มกลั่น
ไทยและญี่ปุ่นมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันรวม 158,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.11 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 146,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.61 และการนำเข้า 12,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.46 โดยไทยได้ดุลการค้า 134,474 ล้านบาท
ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ไก่ปรุงแต่ง ชิ้นเนื้อและเครื่องในแช่แข็ง อาหารสุนัขหรือแมว ยางธรรมชาติ และปลาทูนากระป๋อง และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ ปลาซาร์ดีนแช่แข็ง ปลาสคิปแจ็คแช่แข็ง หอยเชลล์แช่แข็ง เนื้อโคกระบือแช่แข็ง และซอสปรุงแต่ง (อาทิ ซอสพริก น้ำปลา กะปิ)
ไทยและสหภาพยุโรปมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันรวม 135,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.88 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 89,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.05 และการนำเข้า 46,329 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.14 โดยไทยได้ดุลการค้า 43,068 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ยางธรรมชาติ อาหารสุนัขหรือแมว ไก่ปรุงแต่ง (อาทิ แกงไก่ที่บรรจุกระป๋อง) ซอสปรุงแต่ง (อาทิ ซอสพริก น้ำปลา กะปิ) เนื้อหรือส่วนอื่นของสัตว์ซึ่งบริโภคได้ ใส่เกลือ แช่น้ำเกลือ แห้ง หรือรมควัน (อาทิ หนังหมูแห้ง) และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ ข้าวสาลีและเมสลิน เนื้อสัตว์หรือส่วนอื่นของสัตว์ ป่น ทำเป็นเพลเลต กากมันสัตว์ที่เจียวน้ำมันออกแล้ว อาหารสัตว์อื่นๆ (อาทิ อาหารสุกร อาหารกุ้ง) อาหารปรุงแต่ง (อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม) อาหารปรุงแต่งอื่นๆ ที่ทำจากธัญพืช หรือสิ่งสกัดจากมอลต์ (อาทิ อาหารปรุงแต่งที่เหมาะสำหรับทารกหรือเด็กเล็ก)