“จุลพันธ์” เผย ครม.อนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อนวันที่ 29 ม.ค.68 คาด 3 มาตรการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเงิน 1 หมื่นบาทสำหรับผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” โดยใช้กรอบวงเงินงบประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยรับสิทธิผ่านระบบพร้อมเพย์ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มโอนเงินให้ทันก่อนตรุษจีน หรือภายในวันที่ 29 ม.ค.68
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงการคลัง ดีอี มหาดไทย เข้าไปดูรายละเอียดและดำเนินการ โดยต้องเป็นกลุ่มที่ลงทะเบียนแอปฯ ทางรัฐ มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ มีรายได้ เงินฝากตามกติกาที่เคยกำหนดไว้ ส่วนการลงทะเบียนของกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน คาดว่าจะเริ่มหลังปีใหม่ โดยระหว่างนี้กระทรวงการคลัง จะประชุมเพื่อกำหนดวันลงทะเบียนให้ชัดเจนต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบมาตรการ Easy e-receipt 2.0 ซึ่งเป็นการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ เพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษี โดยมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์เล็กน้อย แบ่งเป็น ส่วนแรก 30,000 บาท จะใช้กับการใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไป ส่วนที่สอง 20,000 บาท ใช้กับวิสาหกิจชุมชน ร้านโอทอป โดยมีกำหนดระยะเวลาโครงการตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.68
ทั้งนี้ สินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมรายการได้ ได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมัน ก๊าซ ค่าบริการชาร์จไฟรถ ค่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ ค่าประปา ไฟฟ้า ค่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต เบี้ยประกัน ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม-โฮมสเตย์ โดยครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงคือ ไม่รวมกลุ่มท่องเที่ยวไว้ด้วย โดยจะมีการไปหารือรายละเอียดกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่าจะออกเป็นมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการกระตุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
“ของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง มี 3 เรื่อง คือ ส่วนลดการเสียภาษีในโครงการ Easy e-receipt 2 คือการเติมเม็ดเงินให้ชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท และ 3. เงิน 1 หมื่นบาทให้ผู้สูงอายุ สิ่งที่ประชาชนทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ตั้งแต่ ก.ย.ได้เติมเงินให้กลุ่มเปราะบาง 145,000 ล้านบาท ช่วงและ ธ.ค. ม.ค. ก.พ. จะมีเม็ดเงินจาก 3 โครงการ คือ ช่วยชาวนา 35,000 ล้านบาท , แจกเงินผู้สูงอายุอีก 40,000 ล้านบาท และ Easy e-receipt คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท รวมทั้งหมด 1.4-1.5 แสนล้านบาท ที่จะหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบสอง”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ โดยส่งผ่านเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายปี 67 จนถึงต้นปี 68 จากนั้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีหน้า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟส 2 ก็คาดว่าจะมีความพร้อม ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินอีกกว่าแสนล้านบาทเติมเข้าสู่ระบบในช่วงดังกล่าว และเป็นการรักษาโมเมนตัมที่ดีให้กับระบบเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 68 โดยาเชื่อมั่นว่าจะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้สูงกว่าที่หลายคนคาดอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3% จะทำให้ประชาชนรับรู้ได้ถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น