“จุลพันธ์”ตั้งคกก.ปฏิรูปโครงสร้างภาษี ปรับสวัสดิการรัฐหวังปชช.ได้ประโยชน์

“จุลพันธ์” เล็งปฏิรูปโครงสร้างภาษีหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์-ปรับสวัสดิการสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันหวังประชาชนได้ประโยชน์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ซึ่งรวมถึงแนวคิดเรื่องการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ (Negative Income Tax : NIT) โดยการปฏิรูปโครงสร้างภาษี จะต้องพิจารณารายละเอียดสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.การปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ และ 2.สวัสดิการทุกประเภทที่รัฐได้จ่ายให้กับประชาชน ว่าจะปรับอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ และมีความเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และสถานการณ์เศรษฐกิจมากที่สุด

 โดยสวัสดิการที่รัฐจ่ายให้ประชาชนนั้น ได้ตั้งโจทย์ไว้ 2 ระดับ คือ การนำทุกอย่างมาพิจารณารวมกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าโจทย์นี้ค่อนข้างยาก และหากจะมีการปรับปรุง ก็อาจจะต้องดำเนินการเป็นระยะ (เฟส) โดยในระยะแรก อาจจะเอาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับงบประมาณโดยตรงมาปรับปรุงก่อน เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมองว่าการดำเนินการในส่วนนี้ จะแยกกันดูทีละส่วนค่อนข้างยาก จะทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ดังนั้นหากจะพิจารณาปรับอะไร ก็ต้องมาพิจารณาปรับทั้งก้อนไปพร้อม ๆ กัน

“เรื่องโครงสร้างภาษี จะต้องดูทั้งระบบ ถือเป็นงานใหญ่ และยาก การพิจารณาจะแยกเป็นชิ้นไม่ได้ เพราะถ้าแยกชิ้นก็จะไม่เห็นภาพ ส่วนเรื่องสวัสดิการที่รัฐจ่ายให้ประชาชนนั้น ต้องมาดูทั้งก้อนไปพร้อม ๆ กัน ส่วนการดำเนินการ ก็อาจจะต้องแยกเป็นเฟส เพราะเป็นเรื่องใหญ่” 

สำหรับความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า จะเรียกประชุมภายในเดือนม.ค.นี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปทันก่อนเปิดให้มีการลงทะเบียนในเดือน มี.ค.68 แน่นอน

ทั้งนี้ในเบื้องต้น คณะทำงานได้ส่งรายละเอียดโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาให้พิจารณาแล้ว แต่ยังไม่มีสรุป เพราะข้อมูลยังไม่สะเด็ดน้ำ จำเป็นจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว จะต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการทั้งหมดก่อน

“ยังมีหลักเกณฑ์ที่จะใช้กำหนดเป็นเงื่อนไข และคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการหลายอัน ที่ต้องไปพิจารณาให้รอบคอบ เช่น เรื่องความมั่งคั่ง ที่ยอมรับว่าสำหรับประเทศไทยยังดูค่อนข้างยาก เพราะเรามีปัญหาเรื่องฐานข้อมูลที่ยังไม่พร้อม ทำให้รวย-จน วัดไม่ได้ชัดเจน…พอไปจัดเป็น case by case ก็ไปเจอปัญหาซ้ำอีกว่า ทำไมคนนั้นได้แบบนี้ คนนี้ไม่ได้แบบนั้น มันก็จะเหนื่อย จึงขอเวลาอีกนิด เพื่อพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ แต่ยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปทันก่อนเปิดลงทะเบียนในเดือนมี.ค.แน่นอน”