“วรุต” ประเมินทองคำสัปดาห์หน้าปรับตัวขึ้น แรงหนุน “ทรัมป์” เรียกร้องธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ย กดดัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำช่วง 1-24 ม.ค. โดย ราคา Gold SPORT ปรับตัวขึ้น ประมาณ 150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองแท่ง 96.5% ปรับตัวขึ้นประมาณ 1,750 บาท คาดแนวโน้มสัปดาห์หน้าปรับตัวขึ้น หลังราคาทองคำได้รับแรงหนุนจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวสุนทรพจน์ในงาน เวิล์ด อีโคโนมิก ฟอรัม 2025 (World Economic Forum 2025) เรียกร้อง“ผมเรียกร้องให้อัตราดอกเบี้ยลดลงทันที และในทำนองเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยควรลดลงทั่วโลก”เป็นการส่งสัญญาณให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกดดัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทั้งนี้ ราคาทองคำในวันศุกร์ปรับตัวขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าว ประมาณ 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม
-การธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีการประชุมนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 28-29 มกราคม 2025 ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน 4.25%–4.50% และ นักลงทุนให้น้ำหนัก 44% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2025 ในเดือนมิ.ย. นี้
-ติดตามแรงซื้อแรงขายจากทางฝั่งจีน หลังจาก ตลาดเงินตลาดทุนของจีนปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 3 ก.พ.
– การประชุมของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แนะนำติดตามการเปิดเผยแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ทั้งนี้ รองประธาน ECB ยังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า การชะลอตัวของเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป นักลงทุนคาดว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลง 0.75% ในปี2025 จากระดับปัจจุบันที่ 3.00% โดย ECB ได้ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 4 ครั้งในปี 2024
-การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยมี การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ยอดขายบ้านใหม่, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย สัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2024, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดทำสัญญา ขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales)
