“สุรพงษ์” ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 1.5 ล้านคัน คาดค่ายรถยนต์น้ำมันจากญี่ปุ่น หันมาผลิตรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น เพื่อแข่งกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ทุบราคารถยนต์ลดเหลือ 7-8 แสนบาทต่อคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 68 ตั้งเป้าหมายผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก 1 ล้านคัน ผลิตเพื่อขายในประเทศ 5 แสนคัน สำหรับยอดจดทะเบียนรถยต์ไฟฟ้าในปี 68 อาจเพิ่มจากปี 67 เพียงเล็กน้อย โดยต้องดูปัจจัยการปล่อยกู้จากแบงก์ และการลดราคาของรถไฟฟ้าจากจีนแข่งขันในตลาด ซึ่งปี 67 มียอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศจำนวน 459,856 คัน ผลิตเพื่อส่งออก 1,009,141 คัน
โดยค่ายรถยนต์น้ำมันจากญี่ปุ่น หันมาผลิตรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น เพื่อแข่งกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ทำให้รถยนต์ไฮริดราคาลดลงกว่า 50% จากเดิมราคา 1.4-1.5 ล้านบาทต่อคัน ลดเหลือ 7-8 แสนบาทต่อคัน ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น เพื่อแข่งกันรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ปี 67 มียอดขายรถ PHEV จำนวน 2,391 คัน รถยนต์ HEV จำนวน 117,789 คัน
สำหรับปัจจัยบวกต่อผลิตรถยนต์ในประเทศปี 68 คือ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อชดเชยการนำเข้าตามโครงการ EV 3.0 ในสัดส่วนของการนำเข้า 1.5 เท่า ซึ่งหากผลิตไม่ทัน จะไม่ได้รับค่าชดเชยตามเงื่อนไข รัฐบาลคาดหวังผลักดันจีดีพีโตมากกว่า 3% คาดว่าในปี 68 จะทำให้ยอดการผลิตยอดขายทำได้ตามเป้าหมาย โดยในปี 67 ที่ผ่านมามียอดของรับส่งเสริมจากบีโอไอสูงถึง 1.12 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10ปี เพิ่ม 35% จากปี 66 โดยยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์มูลค่ากว่า 102,000 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยลบ สภาอุตสหากรรมฯ เป็นห่วง ความเข้มงวดของสถาบันการเงินปล่อยกู้การซื้อรถ ทำให้ยอดปฏิเสธสูงกว่า 70% จึงกระทบต่อยอดขาย เนื่องจากคุมเข้มปัญหาหนี้ครัวเรือน หลังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำชับต้องปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ มาตรการเข้มงวดในการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศคู่ค้า บางรุ่นอาจส่งออกไปไม่ได้ รวมถึงมาตรการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ อาจกระทบถึงไทย จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
