“จุลพันธ์” เผยแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 คาดเสนอครม.อนุมัติในเร็ว ๆ นี้ ยันไม่ทันเทศกาลสงกรานต์ พร้อมเร่งพัฒนาระบบรองรับ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ให้กับคนไทย อายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน วงเงิน 27,000 ล้านบาทว่า ได้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมครม. เร็ว ๆ นี้ แต่ไม่ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนการจัดทำระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งในเรื่องของการพัฒนาระบบนั้นน่าจะใกล้แล้วเสร็จ
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 ผ่านการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 โดยวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
รวมถึงพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อทดสอบระบบการชำระเงินกลางของประเทศ ใช้ฐานข้อมูลที่ได้ลงทะเบียนไว้ในแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรก จะเริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถประยุกต์ใช้ดิจิทัล (Digital Adoption) ได้สูง นั่นคือ เด็กไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี รวมประมาณ 2.7 ล้านคน ก่อนเป็นลำดับแรก
นอกจากนี้ในการดำเนิน โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนมีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ช่วยเพิ่มการบริโภคสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ พึ่งพาตนเองได้ และเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพด้วย
ส่วนกลุ่มเป้าหมายประชาชน กำหนดว่าต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 สำเร็จ และต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทยและอายุตั้งแต่ 16-20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 ก.ย. 67 (เกิดตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.47 ถึงวันที่ 16 ก.ย.51)
ส่วนคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการนั้น
- ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ
- เป็นผู้ที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ณ วันที่ส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง ไม่รวมถึงทะเบียนบ้านกลาง
- ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 66
- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.67 โดยให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสลากออมทรัพย์
- ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตามฐานข้อมูลของ พม. ณ วันที่ 30 พ.ย. 67
- ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ประกอบด้วย นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พ.ย.67