วันพุธ, เมษายน 23, 2025
หน้าแรกNEWS‘เท้ง’ถามสรุปไทยขอเลื่อนหรือยังไม่ได้นัด เจรจาภาษีสหรัฐฯจี้‘นายกฯ’ชัดเจนกว่านี้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘เท้ง’ถามสรุปไทยขอเลื่อนหรือยังไม่ได้นัด เจรจาภาษีสหรัฐฯจี้‘นายกฯ’ชัดเจนกว่านี้

‘เท้ง’ มอง ‘รัฐบาล’ สื่อสารไม่ตรงกัน ถามสรุป ‘ไทย’ ขอเลื่อนหรือยังไม่ได้นัด ‘สหรัฐ’ เจรจา ‘กำแพงภาษี’ จี้ ‘นายกฯ’ ควรให้ชัดเจนกว่านี้ เชื่อกรณี ผู้นำถูกแบนวีซา ปม ‘อุยกูร์’ มีผล ย้ำ ยังหนุนผนึกกำลังอาเซียน สร้างอำนาจต่อรอง เหตุ เรามีจุดแข็งเป็นศูนย์กลาง ขออย่าทิ้งบทบาท

วันที่ 23 เม.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาต่อรองกำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกา ว่า การเจรจากับสหรัฐอเมริกาตอนนี้ น่าจะยังมีการสื่อสารไม่ตรงกัน สรุปแล้วเป็นทางสหรัฐฯ เป็นฝ่ายเลื่อน หรือฝั่งไทยเป็นคนเลื่อน เราจึงอยากได้การสื่อสารที่ตรงไปตรงมา

เมื่อถามว่าการเจรจาครั้งนี้ จะล้มเหลวหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง อยากจะให้ผลออกมาดีที่สุดอยู่แล้ว แต่จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ตัวรัฐบาลเอง หรือคณะที่ไปเจรจา จุดสำคัญที่สุดคือการพูดให้เห็นภาพตรงกัน ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด หรือการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน ถ้าจุดเริ่มต้นไม่ตรงกัน เช่น ฝั่งไทยบอกว่าสหรัฐฯ ขอเลื่อน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งอาจจะมองว่าไทยไม่ได้นัดไป จริงหรือไม่ ตนจึงมองว่าการเจรจา มีข้อสะดุด หรือไม่ราบรื่น

เมื่อถามว่า กรณีวีซาที่สหรัฐฯ แบนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน จะมีผลต่อการเจรจาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสื่อสารมาโดยตลอด ว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

“การที่สหรัฐฯ มีการแบนวีซาผู้นำไทยในระดับแกนนำรัฐบาล เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า การตัดสินใจของรัฐบาลกระทบต่อเรื่องนี้ และเราก็แสดงความเป็นห่วงมาตลอดอยู่แล้ว” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลควรแสดงความชัดเจนเรื่องนี้ให้มากขึ้น ว่าตกลงแล้วการเจรจา รวมถึงวันเจรจา เรามีความพร้อมมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ฝ่ายค้านกังวลตอนนี้ ก็มีหลายส่วน เช่น อำนาจการต่อรองของไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าต่างๆ ที่ต้องเตรียมกรอบในการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ รวมไปถึงกรอบการร่วมมือกับประเทศร่วมค้าอื่น และการรับมือของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น การนำเข้าข้าวโพด รวมไปถึงการเยียวยาอุตสาหกรรม หรือห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ที่จะย้ายฐานการผลิต และการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะเสริมสร้างจุดแข็งของประเทศไทยในอนาคต ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ ต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้

เมื่อถามว่ามีรายงานว่าประเทศเวียดนามได้คิวแล้ว ยังเห็นด้วยกับการมัดรวมกันไปเจรจาในนามอาเซียนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าในการเจรจาน่าจะมีหลายระดับ พหุภาคีแต่ละประเทศกับสหรัฐฯ ก็มีส่วนสำคัญ แต่การเจรจาในระดับภูมิภาค หรือหลายประเทศรวมกัน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน จะเห็นได้ชัดจากกรณีของจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่เรามีการเริ่มพูดคุยกัน ดังนั้น ในกรอบของอาเซียน เราควรมีการพิจารณากันในเรื่องนี้ ซึ่งไทยเองก็มีจุดแข็งในด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้วย จึงไม่ควรทิ้งบทบาทในส่วนนี้

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img