วันเสาร์, มิถุนายน 7, 2025
หน้าแรกHighlightสว.แนะ“รัฐบาล”รัดเข็มขัดใช้งบประมาณ หลัง 3 หน่วยงานจัดเก็บรายได้พลาดเป้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สว.แนะ“รัฐบาล”รัดเข็มขัดใช้งบประมาณ หลัง 3 หน่วยงานจัดเก็บรายได้พลาดเป้า

“กมธ.เศรษฐกิจฯ” สว. แนะ “รัฐบาล” รัดเข็มขัดใช้เงิน หลัง 3 หน่วยงานจัดเก็บรายได้พลาดเป้ารวมแสนล้านบาท ชมเป็นสุภาพบุรุษยอมถอยแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

วันที่ 26 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา น.ส.ชญาน์นันท์  ติยะตระการชัย ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านการคลัง ในกมธ.การเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง วุฒิสภา แถลงเรียกร้องรัฐบาลเตรียมการให้รอบคอบต่อแผนการรัดเข็มขัดที่เกิดจากการจัดเก็บรายได้ที่ลดลง ทั้งนี้จากการติดตามการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งอนุกมธ.ได้เชิญ 3 หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บรายได้ คือ กรรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร  เข้าชี้แจงต่อ อนุกมธ.เมื่อ 22  พ.ค. พบข้อมูลที่น่าตกใจ และเป็นกังวล คือ การประมาณการการจัดเก็บรายได้ให้กับรัฐ ที่มีแนวโน้มและความเป็นไปได้ที่ต่ำกว่าเป้าหมายรวมกันมากถึง แสนล้านบาท  แม้ว่ารัฐบาลจะมีรายได้จากทางอื่น เช่น รัฐวิสาหกิจที่ต้องนำส่งเงิน แต่จากการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น สภาพคล่องของครัวเรือนมีปัญหา ราคาสินค้าเกษตรกรตกต่ำ มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และ ค่าใช้จ่ายในส่วนของการประกันราคาพืชผลเกษตรกร  จึงเป็นสัญญาณอันตราย

“การจัดทำงบประมาณร่ายจ่ายตามพ.ร.บ.งบฯ2569 เป็นการจัดทำในช่วงต.ค.2567 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น โดยในรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี2569 นั้น พบโครงการที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ น้อยมาก ซึ่งอยากเห็นการรัดเข็มขัด รวมถึงการปฏิรูป เปลี่ยน แก้ และปรับ เช่น ในปี2568 ถึงปี 2570 ใช้แทนกันได้ ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นอาจจะอยู่ในส่วนของงบกลาง ซึ่งยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน นอกจากนั้นแล้วในการดำเนินโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาลที่ชะลอออกไป ถือเป็นการแสดงสปิริตของรัฐบาล ที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเพราะยอมถอย และปรับตามงบประมาณที่จำเป็น” น.ส.ชญาน์นันท์ กล่าว

ด้านนายศรายุทธ ยิ้มยวน ฐานะกมธ.เศรษฐกิจ การเงินและการคลัง วุฒิสภา กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมและตรวจสอบได้ และในแง่ของการลงทุนต่างๆ ควรต้องปฏิรูป โดยเฉพาะการสร้างตึกขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณ สูงถึง 100 – 1,000 ล้านบาท ควรพิจารณาในแง่ความจำเป็น  เช่น การสร้างเรือนจำเพิ่มในพื้นที่จังหวัดต่างๆ  ตนมองว่าควรชะลอ และใช้วิธีบริหารจัดการ หากมีผู้ต้องขังในพื้นที่ภาคอีสานเพิ่มแต่เรือนจำรองรับไม่ได้ ควรย้ายไปให้จองจำพื้นที่ภาคอื่น เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ที่สามารถรองรับจำนวนนักโทษได้ เป็นต้น

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img