“คมนาคม” เตรียมตั้ง “ทีมกฎหมาย” ยื่นอุทธรณ์ “ดอนเมืองโทลล์เวย์” ฟ้องเรียกเงินชดเชยผลกระทบสูญเสียรายได้จากการแพร่ระบาดโควิด-19 วงเงินกว่า 2,300 ล้านบาท หลังการตีความเยียวยาทั้ง 2 ฝ่าย มีความเห็นไม่ตรงกัน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า จากกรณีที่ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อขอเงินเยียวยาจากผลกระทบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รวมกว่า 2,300 ล้านบาทว่า กระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมทีมกฎหมายเพื่อยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำเสนอข้อพิพาทนี้แล้ว ดังนั้นขณะนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อสู้กันในขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับคณะทำงานต้องเจรจากรอบเวลาและตัวเลขชดเชยให้ตรงกันก่อน
โดยที่ผ่านมามีประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกัน คือ การตีความข้อกำหนดในสัญญาที่ระบุว่าจะสามารถเจรจาเยียวยากรณีมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น โดยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น นับเป็นเหตุสุดวิสัย แต่การที่เอกชนตีความเรื่องดังกล่าวและกำหนดผลกระทบมายาวนานถึง 2 ปี 6 เดือนนั้น กระทรวงฯ เห็นว่าเป็นกรอบเวลาที่ยาวนานเกินไป และไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัย จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเห็นว่า กรอบเวลาในช่วงที่รัฐบาลมีการประกาศมาตรการปิดเมือง เพื่อควบคุมโรค
ตามสัญญาสัมปทานมีการกำหนดไว้ว่า หากเกิดเหตุสุดวิสัยเอกชนสามารถเจรจาเงื่อนไขการชดเชยผลกระทบได้ ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าเอกชนดำเนินการตามสัญญา เหลือเพียงตีความทางกฎหมาย ประเมินกรอบเวลาและตัวเลขชดเชยที่ไม่ตรงกัน แต่หากการตีความเรื่องกรอบเวลา และเงินเยียวยาลดลง พิจารณาเพียงเหตุสุดวิสัยช่วงปิดเมืองเงินชดเชยอาจจะไม่มาก และไม่ทำให้เอกชนใช้มาเป็นเงื่อนไขต่อรองเพื่อขยายสัญญาสัมปทาน
โดยสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์ จะครบกำหนดในปี 2577 ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมได้ศึกษาแนวทาง และความเป็นไปได้ ผ่านการเปรียบเทียบตัวเลขความคุ้มค่าในทุกมิติเกี่ยวกับการบริหารสัญญาโครงการนี้ พบว่า ไม่ควรเจรจาขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก เพราะตัวเลขศึกษาออกมาไม่คุ้มค่าในทุกกรณี และหลังหมดสัญญาสัมปทานทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ กรมทางหลวง และภายใต้สัญญาดังกล่าวไม่มีเงื่อนไขกำหนดให้ต้องเจรจากับเอกชนคู่สัญญาเพื่อเสนอต่อสัญญาเป็นรายแรก ดังนั้นแนวทางดำเนินการคือ เปิดประมูลใหม่ หรือภาครัฐนำโครงการกลับมาบริหารเอง และการศึกษาโครงสร้างค่าผ่านทางใหม่