วันอังคาร, มิถุนายน 10, 2025
หน้าแรกHighlight“รัฐบาล”ตั้งทีมเตรียมเจรจาภาษี“ทรัมป์” ชู5ประเด็น-ลดเกินดุลสหรัฐฯ50%ใน5ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“รัฐบาล”ตั้งทีมเตรียมเจรจาภาษี“ทรัมป์” ชู5ประเด็น-ลดเกินดุลสหรัฐฯ50%ใน5ปี

รัฐบาลได้แต่งตั้งทีมเจรจาภาษีทรัมป์ คาดประชุมผ่าน Video Conference เพื่อให้ผลเจรจาเสร็จทันกรอบเวลา 90 วัน เน้นใน 5 ประเด็นหลัก ชูเป้าหมายลดการเกินดุลกับสหรัฐให้ได้ 50% ภายใน 5 ปี

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า การเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งสหรัฐประกาศเก็บอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% นั้น ขณะนี้กระทรวงฯ พาณิชย์ได้รับหนังสือตอบรับอย่างเป็นทางการจากสหรัฐในการเจรจาภาษีตอบโต้ของสหรัฐได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เจรจาด้านเทคนิคที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสเพื่อเจรจาผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐและการทำข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลในการเจรจา  เมื่อได้ทีมเจรจาด้านเทคนิคแล้ว จะมีการประชุมร่วมกันผ่านระบบ Video Conference

ส่วนประเด็นการเดินทางไปสหรัฐของคณะเจรจาที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมีแผนไปเจรจาที่สหรัฐนั้น ระยะเวลาที่เหลือเพียง 1 เดือน อาจไม่ทันเวลาที่สหรัฐกำหนดภายใน 90 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 8 ก.ค.2568 จึงใช้วิธีเจรจาผ่านระบบออนไลน์แทน

สำหรับประเด็นที่ไทยเตรียมไว้สำหรับเจรจาสหรัฐยังคงเป็นไปตามกรอบเดิม 5 ประเด็น โดยมีเป้าหมายลดการเกินดุลกับสหรัฐให้ได้ 50% ภายใน 5 ปี และส่งเสริมความร่วมมือเป็นพันธมิตรระดับยุทธศาสตร์มากขึ้นในอนาคต ได้แก่

1.เสริมความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูปไทยและสหรัฐ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปด้วยการใช้จุดแข็ง 2 ประเทศร่วมกัน โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพื่อเป็นวัตถุดิบแปรรูปและส่งออกไปตลาดโลก และหารือร่วมภาคเกษตรของสหรัฐที่เป็นฐานเสียงสำคัญทางการเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

2.เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ โดยไทยมีแผนเพิ่มการนำเข้าสินค้าจำเป็น อาทิ พลังงาน (น้ำมันดิบ, LNG, อีเทน), เครื่องบินและชิ้นส่วน, อาวุธยุทโธปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกษตรอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง และเนื้อวัว เพื่อกระชับความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ และตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจในประเทศ

3.เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า การลดภาษีนำเข้าภายใต้ระบบ MFN จำนวน 11,000 รายการ ลง 14% รวมถึงการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือ อีกทั้งลดโควตาและข้อจำกัดพร้อมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ เช่น เชอรี่ แอปเปิ้ล ข้าวสาลี ข้าวโพด และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์

4.บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัดผ่านการบังคับใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้า “Made in Thailand” โดยสินค้าจากประเทศที่ 3 ส่งออกผ่านไทยไปสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อรักษาภาพลักษณ์สินค้าไทยในตลาดสหรัฐ

5.ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ ภาครัฐสนับสนุนการขยายการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐ ภายใน 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น โครงการลงทุน LNG ในรัฐอลาสก้า และการลงทุนฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่ ปัจจุบันเอกชนไทยลงทุนในสหรัฐ 70 แห่ง ใน 20 มลรัฐ สร้างงานมากกว่า 16,000 ตำแหน่ง มูลค่าการลงทุน 16,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ทีมเจรจาทางเทคนิคจะดำเนินการเจรจาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันก่อนเดดไลน์ 8 ก.ค. 2568 ที่สหรัฐฯจะบังคับใช้ภาษีตอบโต้ 36 %

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนยินดีสนับสนุนข้อมูลและเห็นว่าข้อเสนอของไทยทั้ง 5 ข้อ ครอบคลุมประเด็นเจรจาการลดภาษีทั้งหมดแล้ว โดยเอกชนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะทีมเจรจารู้รายละเอียดทั้งหมดแล้ว และหวังว่าการเจรจาจะได้รับผลน่าพอใจ โดยหากการเจรจาจบได้ภายในสัปดาห์นี้สัปดาห์หน้าจะเป็นผลดี เพราะการส่งออกหากลงเรือจากไทยวันนี้อาจต้องใช้เวลา 30 วัน ไปถึงสหรัฐไม่ทันตามกำหนดผ่อนผันภาษี แต่หากเจรจาจบเร็วจะส่งผลดีทั้ง 2 ประเทศ

ทั้งนี้ปี 2567 สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 18.3% โดยไทยมีมูลค่าการค้ารวมกับสหรัฐ 74,484 ล้านดอลลาร์ ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 54,956 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 19,528 ล้านดอลลาร์ เกินดุลการค้ากว่า 35,427 ล้านดอลลาร์

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img