หุ้นไทยปิดลบ 4.85 จุด แรงกดดันจาความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้ ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด-ประชุมครม.โดยให้แนวต้าน 1,070 จุด และแนวรับ 1,050 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,062.78 จุด ลดลง 4.85 จุด (-0.45%) มูลค่าซื้อขาย 32,506.99 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในแดนลบ โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ยกระดับความตึงเครียดขึ้นหลังจากสหรัฐโดดเข้ามามีส่วนร่วม และกระแสข่าวอิหร่านจ่อปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันและก๊าซสำคัญแห่งหนึ่งของโลก กระตุกความเสี่ยงให้กับตลาดจากแนวโน้มต้นทุนน้ำมันที่มีโอกาสจะสูงขึ้นอีก
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังคงขาดความเชื่อมั่นต่อเนื่อง ทำให้ดัชนี SET ลงไปแตะจุดต่ำสุดวันนี้มากกว่าจุดต่ำสุดของเดือนเม.ย. หรือมากกว่า “วันปลดแอก” ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ทำตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก แต่ดัชนีในวันนี้ก็แกว่งตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดได้ในระดับหนึ่ง สะท้อนถึงการผ่อนคลายเล็กน้อย ซึ่งอาจจะมาจากปัจจัยการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลยังคงประคับประคองเสียงข้างมากในสภาได้ คาดว่าเพื่อเดินหน้าออกมาตรการต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้น โดยเฉพาะการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 69
สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้ ปัจจัยภายนอกติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด รวมถึงตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนมิ.ย. และปัจจัยภายใน ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะมีการพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สัปดาห์นี้ที่ยังเสียงแตกระหว่างลดหรือคงดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้แนวต้าน 1,070 จุด และแนวรับ 1,050 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,227.37 ล้านบาท ปิดที่ 274.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,780.67 ล้านบาท ปิดที่ 111.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,727.60 ล้านบาท ปิดที่ 10.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,500.55 ล้านบาท ปิดที่ 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,383.60 ล้านบาท ปิดที่ 29.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท