วันอังคาร, มิถุนายน 24, 2025
หน้าแรกHighlight“เงินบาท”เปิดเช้าวันนี้“กลับทิศแข็งค่า” ตลาดคาดปีนี้เฟดลดดอกเบี้ยเกิน2ครั้ง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เงินบาท”เปิดเช้าวันนี้“กลับทิศแข็งค่า” ตลาดคาดปีนี้เฟดลดดอกเบี้ยเกิน2ครั้ง

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” หลังดอลลาร์อ่อน ตลาดคาดเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในปีนี้เกิน 2 ครั้ง จับตานโยบายการเงินของทั้งธนาคารกลางอังกฤษ-ธนาคารกลางยุโรป

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.02 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 32.70-33.03 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ของเฟด Michelle Bowman (Board of Governors) ที่มักจะให้ความเห็นในเชิง Hawkish ได้ให้ความเห็น อาจสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนกรกฎาคม (ซึ่งเรียกได้ว่า ความเห็นดังกล่าว มีความ Dovish พอสมควร เมื่อเทียบกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดจาก Dot Plot ล่าสุด) ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในปีนี้ เกิน 2 ครั้ง

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดูทยอยคลี่คลายลง หลังการโจมตีตอบโต้สหรัฐฯ จากอิหร่านไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวล อีกทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังได้ระบุว่า อิหร่านกับอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ทั้งนี้การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามจังหวะการย่อตัวเข้าสู่โซนแนวรับของราคาทองคำ หลังไร้แรงหนุนจากปัจจัยความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk)

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากทั้งความหวังว่าเฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าคาด จากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดล่าสุด อย่าง Michelle Bowman รวมถึง แนวโน้มสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทยอยคลี่คลายลง ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.96%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.28% ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะท่าทีของอิหร่านในการตอบโต้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯล่าสุด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกกดดันบ้าง จากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการเดือนมิถุนายน ที่ออกมาแย่กว่าคาด

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ออกมาสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างเร็วสุดในการประชุมเดือน FOMC กรกฎาคม และการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯปรับตัวลดลงทดสอบโซน 4.30% ก่อนที่จะรีบาวด์สูงขึ้นบ้างสู่ระดับ 4.35% ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ อนึ่ง เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯได้ปรับตัวลดลงมาพอควร และอยู่ในโซนที่ยังไม่น่าสนใจทยอยเข้าซื้อ ซึ่งเราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ หรือบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น เช่น โซน 4.50% สำหรับบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจกว่า

ทางด้านตลาดค่าเงินนั้นพบว่า เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แม้รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าคาด แต่เงินดอลลาร์ก็ถูกกดดันจาก ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งออกมาสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนกรกฎาคม และบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับ 98.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.1-99.4 จุด)

ส่วนของราคาทองคำ แม้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง แต่ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.2025) ก็ถูกกดดันจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เริ่มทยอยคลี่คลายลง ลดความน่าสนใจในการถือครองทองคำ กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงสู่โซน 3,360-3,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) ของสหรัฐฯในเดือนมิถุนายน พร้อมรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะการแถลงต่อคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสโดยประธานเฟด Jerome Powell

ส่วนยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทั้งธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางทั้งสอง พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (IFO Business Climate) เดือนมิถุนายนของเยอรมนี และยูโรโซน ที่จะช่วยสะท้อนถึงมุมมองของภาคเอกชน หลังเผชิญความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่างจีน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้น เหนือความคาดหมายของเราไปพอสมควร เนื่องจากเหตุผลหลักมาจากทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Michelle Bowman ซึ่งมักจะให้ความเห็นในเชิง Hawkish (ไม่รีบลดดอกเบี้ย) และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดูจะคลี่คลายลงได้เร็ว อย่างไรก็ดี แม้ว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นมีกำลังมากขึ้น ทว่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง หลังราคาทองคำได้ย่อตัวลงเข้าใกล้โซนแนวรับ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอย Buy on Dip ทองคำได้ โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นในตลาดที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ

อนึ่ง ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม กอปรกับสถานการณ์การเมืองไทยที่ดูจะวุ่นวายน้อยลง หลังบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลยังคงส่งสัญญาณพร้อมอยู่กับพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาลต่อ ก็อาจหนุนให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้น ที่ปรับตัวลดลงมาใกล้ระดับที่ตลาดการเงินเผชิญความเสี่ยงภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้

ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงคืนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ของไทย ในวันพุธ 25 มิถุนายน นี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน

การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ อย่างเงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงเกินปกติของตลาดการเงิน ทำให้ เราคงเน้นย้ำความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.85 บาทต่อดอลลาร์

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img