ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวน่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพิ่มขึ้น 64% ทำให้ทั้งปี 2564 น่าขยับขึ้นมาที่ประมาณ 1.8 แสนรายและน่าผลที่ชัดเจนน่าจะเห็นในปี 65
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามจากทุกภาคส่วนที่จะพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเดินหน้าต่อได้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่ยาวนาน โดยผลจากการเปิดประเทศครั้งนี้ น่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 64% เมื่อเทียบกับที่ไม่มีมาตรการ โดยน่าจะเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายเดือนธ.ค. นี้
ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปี 2564 ขยับขึ้นมาที่ประมาณ 1.8 แสนราย (จากคาดการณ์เดิมที่ 1.5 แสนคน) สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท และในกรณีที่สถานการณ์ต่างๆ ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง คงจะช่วยหนุนให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยมีความชัดเจนมากขึ้นอีกในช่วงปี 2565
โดยชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาน่าจะได้แก่ นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ยุโรป บางประเทศในเอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งนอกจากมาจากประเทศที่เข้าข่ายตามเงื่อนไขของทางการแล้ว (เช่น อัตราการฉีดวัคซีนสูงหรือจัดการโควิดได้ดี) ก็น่าจะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยนับตั้งแต่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV (Special Tourist Visa) จนมาถึง Phuket Sandbox รวมทั้งเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งสะท้อนผ่านเครื่องชี้การค้นหาโรงแรมและที่พักในไทยผ่านเว็บไซต์ต่างๆ
จากข้อมูลของกูเกิ้ล Destination Insight (Travel Insights with Google) ที่พบว่า ตั้งแต่เดือนก.ย. 64 จนถึงต้นเดือนต.ค. 64 มีภาพที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่มีการค้นหาโรงแรมและที่พักในไทยสูง ได้แก่ รัสเซีย สหรัฐฯ อินเดีย สหราชอาณาจักรและเยอรมัน เป็นต้น ขณะที่โรงแรมและที่พักในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการค้นหาสูงสุด เช่น กรุงเทพฯ ป่าตอง (ภูเก็ต) พัทยา (ชลบุรี) เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) และกะรน (ภูเก็ต) เป็นต้น
สำหรับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ก็คงจะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวในไทยที่มีความเสี่ยงโควิดต่ำ สะท้อนจากจำนวนผู้ป่วยที่ต่ำและอัตราการได้รับวัคซีนเข็มสองที่สูง ตลอดจนเป็นจังหวัดหรือพื้นที่ท่องเที่ยวที่สอดคล้องไปกับแผนของทางการ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และพื้นที่ที่อยู่ในแผนเปิดเพิ่มเติม เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) จังหวัดเพชรบุรี (ชะอำ) และจังหวัดชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องคงต้องทำการตลาดเชิงรุกเพื่อสร้างดึงดูดความสนใจและร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง