“สรท.” ปรับเป้าส่งออกปีนี้โต 15% หลังยอดออเดอร์ทะลัก-เศรษฐกิจคู่ค้ายังเติบโตดี คาดเดือนพ.ย.-ธ.ค. ตัวเลขแตะเดือนละ 2.1-2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ว่าพบผู้ติดเชื้อ “โอมิครอน” มองปีหน้าโต 5-8%
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 64 จะเติบโตถึง 15% จากเดิมตั้งไว้ว่าจะเติบโต 12% หลังจากยอดส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.64) มีอัตราขยายตัวที่ 15.65% ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังมีอัตราการเติบโตดี และมียอดสั่งซื้อเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ายอดส่งออกในเดือน พ.ย.-ธ.ค.64 จะมีมูลค่าราว 2.1-2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์หลังพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้ว
ส่วนขณะที่ยอดนำเข้าในเดือน ต.ค.64 ที่มีมูลค่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ขยายตัว 34.6% และปีหน้าประเมินว่าส่งออกโต 5-8%
สำหรับปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญปลายปีนี้ประกอบด้วย
1.ความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” ซึ่ง WHO จัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวล และเริ่มมีการแพร่กระจายในหลายประเทศ อาทิ เบลเยี่ยม เยอรมัน อิตาลี เชค ออสเตรเลย ฮ่องกง สหรัฐฯ อังกฤษ
ซึ่งยังคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อในระดับสูง ขณะที่หลายประเทศเริ่มกลับมาจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกา และมีความเป็นไปได้ที่หลายประเทศอาจจะล็อคดาวน์อีกครั้งซึ่งสวนทางกับช่วงเศรษฐกิจกำลังเร่งฟื้นตัว
2.แรงงานในภาคการผลิตขาดแคลนต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนการจ้างงานปรับตัวสูงขึ้น กระทบการผลิตเพื่อส่งออกที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด
3.ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ตกค้าง ณ ท่าเรือปลายทาง โดยเฉพาะท่าเรือ Los Angeles และ Long Beach ที่พบปัญหาความหนาแน่นภายในท่าเรือ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานในการขนถ่ายสินค้า รวมถึงปัญหา Space allocation ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถจองระวางและส่งสินค้าได้ทันตามกำหนด ตลอดจนค่าระวางเรือยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป สหรัฐฯ
ขณะที่ได้เร่งนำเข้าสินค้าในทันช่วงเทศกาลคริสต์ มาสและตรุษจีน ส่งผลให้บางสายการเดินเรือต้องหยุดให้บริการจองระวางชั่วคราว ส่งผลต่อภาระต้นทุนการขนส่งสินค้าที่ผู้ส่งออกต้องจ่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวสูงยาวจนถึงปี 2565
4.ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์, เหล็ก, น้ำมัน ส่งผลให้ภาคการผลิตเพื่อส่งออก ยังคงประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง
5.ปัญหาคอขวดด้านอุปทานของโลก เนื่องจากการผลิตทำได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ต้นทุนการผลิตโดยรวมปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียและไทยต้องแบกรับภาระจากต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาวัตถุดิบและสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามต้นทุนค่าขนส่ง อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องถึงกำลังซื้อผู้บริโภค และทำให้การนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มชะลอตัวลง