“สุริยะ” ปลื้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยฟื้นตัว ค่ายฟอร์ด มอเตอร์ ทุ่มงบ 28,000 ล้านบาทขยายไลน์การผลิตรถยนต์มากสุดในรอบ 25 ปี พร้อมนำหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานสอดรับนโยบาย Industry 4.0 คาดปี 65 การผลิตรถยนต์ทะลุ 1.7 ล้านคัน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกทำให้การผลิตชะลอตัว นักลงทุนจึงมีการทบทวนแผนการลงทุน และปรับแผนการผลิตในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยมีค่ายรถยนต์หลายบริษัท หันมาให้ความสนใจเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศไทย และนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย ยกระดับการเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนสมัยใหม่
รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาเทคโน โลยีและบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นผู้นำอาเซียนในการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนด้วยการใช้หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศหลังการเปิดประเทศ ให้เติบโตได้อย่างมั่นคง
สำหรับการผลิตยานยนต์มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกฟื้นตัว มีแนวโน้มขยายตัวที่ดี คาดว่า การผลิตในปี 2564 รวม 1.6 ล้านคัน ขยายตัว 15 % และปี 2565 คาดว่า การผลิตจะขยายตัวอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท ในการยกระดับกระบวน การผลิตในโรงงานด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เพื่อรองรับการผลิตรถกระบะ Ford Ranger และรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ Ford Everest เจเนอเรชั่นใหม่ สำหรับจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปตลาดสำคัญทั่วโลก
โดยการลงทุนเพิ่มครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนในประ เทศไทยครั้งใหญ่รอบ 25 ปี ส่งผลให้บริษัท ฟอร์ด เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าการลงทุนสะสมกว่า 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 100,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ได้มีการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี และเพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาใช้ในส่วนของการผลิตของโรงงานประกอบรถยนต์ทั้ง 2 แห่ง สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับภาคอุตสาห กรรมด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสายการผลิตไปสู่ Industry 4.0 ทำให้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย
รวมทั้งมีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาห กรรม S-Curve โดยมีเป้าหมายยกระดับการผลิตภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้ประ เทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของอาเซียนภายในปี 2569 อีกด้วย
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย คิดเป็นประมาณ 5.9% ของ GDP (หรือประมาณ 11% ของ GDP ภาคอุตสาหกรรม) ในปี 2563 ไทยมีการผลิตรถยนต์รวม 1.4 ล้านคัน เป็นอันดับที่ 11 ของโลก ประมาณ 50 % ของการผลิตเป็นการส่งออกไปยัง 170 ประเทศทั่วโลก มีมูลค่าการส่งออกรวม 919,000 ล้านบาท (เป็นอันดับ 1 ของสินค้าส่งออกของไทย)
โครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทยประกอบด้วยผู้ผลิตรถยนต์ 19 ราย ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ 10 ราย ผู้ผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 2,300 ราย รวมแรงงานในภาคอุตสาหกรรม 750,000 คน โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็น Product Champion ของไทยประกอบด้วยรถปิกอัพ 1 ตัน รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Car) และรถจักรยานยนต์คุณภาพสูง