ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.41 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าผลพวงเฟดเร่งลดคิวอี ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ กดตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วง
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.41 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.425 บาทต่อดอลลาร์ หลังดอลลาร์สหรัฐอ่อน โดยตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในโหมดระมัดระวังตัวอีกครั้ง หลังจากแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด โดยเฉพาะการเร่งลดการอัดฉีดสภาพคล่องหรือคิวอี
ทั้งนี้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเทขายหุ้นในกลุ่มเทคฯ หรือหุ้นสไตล์ Growth ที่มีระดับราคาที่สูงและอ่อนไหวกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อาทิ Adobe -10.2%, Nvidia -6.8%, Tesla -5.0% เป็นต้น ส่งผลให้ ดัชนี Nasdaq ปิดตลาด -2.47% และดัชนี S&P500 ก็ย่อตัวลง -0.87%
ขณะที่ในฝั่งยุโรป แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25% สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์
รวมถึงการทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ช่วยหนุนให้ หุ้นในกลุ่มการเงินปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มนโยบายการเงินที่จะมีความเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต อาทิ Santander +4.1%, BNP Paribas +1.9%, Intesa Sanpaolo +1.9% หนุนให้ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นราว +1.0%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Cyclical อื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มสถาบันการเงิน เพราะการที่ธนาคารกลางส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในช่วงที่ยุโรปเผชิญการระบาดของโอมิครอน สะท้อนว่าธนาคารกลางต่างมองว่า การระบาดของโอมิครอนจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เหมือนกับช่วงเกิดการระบาดของ COVID-19 ระลอกแรก หรือช่วง Delta wave
อย่างไรก็ตาม เงินบาทอาจได้แรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังจากที่ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (โฟลว์ขายทำกำไรทองคำช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น) ส่วนในฝั่งฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติมสะท้อนผ่านแรงซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 4.7 พันล้านบาท ในวันก่อนหน้า
ขณะที่โฟลว์เก็งกำไรเงินบาทผ่านการซื้อบอนด์ระยะสั้นยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ ซึ่งคาดว่าผู้เล่นต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับมาเก็งกำไรเงินบาทมากนัก จนกว่าจะมีความชัดเจนของโฟลว์ธุรกรรม M&A ใหญ่ในปีนี้ ว่าจะมีลักษณะการทำธุรกรรมอย่างไร
นอกจากนี้มองว่าในเชิงเทคนิคัลยังคงสนับสนุนแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในระยะสั้น โดยส่วนแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนแนวต้านเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดของเงินบาทในช่วงก่อนรับรู้การประชุมเฟดที่ผ่านมา ย้ำว่าระดับดังกล่าวยังเป็นแนวต้านที่สำคัญในระยะสั้นมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.45 บาทต่อดอลลาร์