โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยเสี่ยงทั้งใน-นอกประเทศลุ้นครม.ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจพยุง เกาะติดกนง.คาดคงดอกเบี้ย 0.5%มองกรอบเคลื่อนไหว 1,624-1,658 จุด
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แม้สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทย เกิดสัญญาณบวกจากการผ่านแนวต้าน 1,640 จุดและปิดตลาดวันศุกร์ยังยืนเหนือได้ที่ 1,642 จุด ทําให้ Momentum ในการขยับขึ้นมีต่อแต่ upside หรือกรอบในการขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ประเมินยังจำกัดราว 16 จุดโดยแนวต้านสําคัญยังอยู่ที่ 1,658 จุด คาดความผันผวนยังคงมีต่อและน่าจะยังกดดันจากประเด็นที่ต้องติดตามตลอดสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 20-24 ธ.ค.64
โดยปัจจัยลบคือ สถานการณ์ Covid โลกยังน่ากังวล โดยเฉพาะในยุโรป และเริ่มเห็นกระแสการคุมเข้มกิจกรรมเศรษฐกิจรวมถึงสายพันธุ์ Omicron มีการแพร่จายราว 80 ประเทศทั่วโลก แต่ในไทย ยังมีทิศทางดี สะท้อนจากรายงานผู้ติด เชื้อรายใหม่ ยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำ และท่าทีของรัฐที่ยังมุมมองไม่คุมเข้ม กิจกรรมเศรษฐกิจ เดินหน้าให้จัดเทศกาลปีใหม่
นอกจากนี้กระแสข่าวเตรียมเก็บภาษีรายรับจากการขายหลักทรัพย์ใน ตลาดหลักทรัพย์ อัตรา 0.1%สําหรับนักลงทุนที่มีมูลค่าการซื้อขายเกิน 1 ล้าน บาทต่อเดือน คาดจะเริ่มในปี 65 น่าจะกระทบต่อนักลงทุนเมื่อมีผลบังคับใช้จริง ช่วงสั้นประเมินยังเป็น Sentiment เชิงลบต่อ SET index
ส่วนปัจจัยบวกที่น่าจะหนุน SET คือ การประชุมครม.วันที่ 21 ธ.ค.นี้ ตลาดคาดหวังมาตรการกระตุ้นการบริโภค ผ่านทางภาษี คาดหมายเป็นมาตรการ ช้อปดีมีคืนหากเป็นจริงจะทำให้บริษัทจดทะเบียนหลายอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์โดยตรง หลัก ๆ คือกลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะกลุ่ม ที่ขายสินค้า IT
กลุ่มขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน กลุ่ม ห้างสรรพสินค้าอาทิ กลุ่มสินเชื่อบัตร เครดิต ขณะที่บอร์ด EV เตรียมเสนอ ครม. ลดภาษี สรรพสามิตรถ EV เหลือ 2%คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ EV
นอกจากนี้ติดตามผลการประชุม กนง.วันที่ 23 ธ.ค. คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยที่เดิม 0.5% แต่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกที่เป็นขาขึ้นชัดเจน เริ่มตั้งแต่ธนาคารกลาง Fed ,ECB,BOJ ส่งสัญญาณเริ่มลด QE เพิ่มในปี 65 และธนาคารกลางอื่นๆหลายแห่งเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วในสัปดาห์ก่อนหน้า เช่น รัสเซีย, อังกฤษ ฯลฯ เชื่อว่า ดอกเบี้ยไทยได้ผ่าน Bottomไปแล้วเช่นกัน เป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มประกันชีวิต
พร้อมเกาะติดตัวเลขยอดส่งออกและนําเข้าของไทย เดือน พ.ย. คาดจะออกมาขยายตัวต่อเนื่องเป็นผลมาจากตัวเลขนําเข้าของจีนเดือนเดียวขยายตัวสูง 31.7%
อย่างไรก็ตาม กรอบเคลื่อนไหวสัปดาห์หน้าอยุ่ที่ 1,624-1,658 จุดกลยุทธ์การลงทุนเชื่อว่าภายใต้กระแสคาดหวังดอกเบี้ยขาขึ้นที่กลับมาอีกครั้ง เช่น กลุ่มประกันชีวิต กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่ราคายังไม่ปรับขึ้นมากนัก
