กรมสรรพากรชี้กำไรจากคริปโทเคอร์เรนซี่-สินทรัพย์ดิจิทัลอื่นต้องยื่นภาษีเงินได้ตามกม.กำหนดไม่เช่นนั้นจะต้องเสียค่าปรับ ย้ำมีอำนาจดูภาษีย้อนหลังถึง 10 ปี
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมฯ ได้ปรับแบบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2564 ออนไลน์ที่กำหนดให้เริ่มยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 ให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มช่องให้กรอกข้อมูลรายได้เพิ่มเติมจากเงินได้เงินเดือน เงินได้จากอาชีพอิสระ เงินได้จากเงินปันผล และเงินได้จากดอกเบี้ย ให้รวมถึงเงินได้จากกำไรคริปโทเคอร์เรนซี่ และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ
ทั้งนี้การที่กรมสรรพากรกำหนดให้แจ้งเงินได้จากกำไรคริปโทเคอร์เรนซี่และสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเรื่องที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 แต่ที่ผ่านมารูปแบบการยื่นภาษีออนไลน์ยังไม่มีความชัดเจน จึงได้มีการปรับให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้เสียภาษีจำนวนมากมีเงินได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวเพิ่มขึ้น
“กรมสรรพากรได้ออกแบบจากผู้เสียภาษีจริงเพื่อให้การยื่นแบบง่ายที่สุด หัวข้อที่สำคัญ คือ ที่ผ่านมาช่องแสดงรายได้ว่ามาจากที่ไหนบ้าง ยังไม่ชัดเจน ทางผู้เสียภาษีต้องการให้มีช่องแสดงรายได้ดังกล่าวให้ชัดเจน ไม่ควรไปซ่อนอยู่ ซึ่งอาจทำให้การยื่นเสียภาษีไม่ถูกต้อง กลายเป็นการเลี่ยงจ่ายภาษี ทั้งที่จริง ๆ ผู้เสียภาษีไม่ได้ต้องการเลี่ยงจ่ายภาษี”
สำหรับการเสียภาษีเงินได้จากกำไรคริปโทเคอร์เรนซี่ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นหน้าที่ของผู้เสียภาษีที่ต้องประเมินตัวเอง และแจ้งข้อมูลตามข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ซึ่งกรมสรรพากรมีระบบ big data รวบรวมข้อมูลของกลุ่มเสี่ยงที่จะมีการยื่นภาษีไม่ถูกต้องเพื่อให้แจ้งให้ผู้เสียภาษีดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยกรมสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้ย้อนหลัง 10 ปี ดังนั้น ผู้เสียภาษีควรยื่นแบบและชำระภาษีให้ถูกต้องเพื่อจะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม