“เศรษฐพุฒิ” คาดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปราะบางแบบ K-shapeมองจีดีพีกลับมาโตเท่าก่อนโควิดช่วงไตรมาส 1/66 มั่นใจเงินเฟ้อปีนี้ไม่หลุดกรอบยังอยู่ ที่ 1.7 % ย้ำมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินเพียงพอหากโอมิครอนยืดเยื้อ
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐ กิจไทยในปี65 ยังเป็นการฟื้นตัวแบบเปราะบาง ไม่รวดเร็ว และฟื้นตัวไม่เท่าเทียมกับในแต่ละ sector หรือเป็นการฟื้นตัวในลักษณะของK-shape โดยเศรษฐกิจไทยถือว่ายังฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น ซึ่งคาดว่ากว่าที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวเทียบเท่ากับในระดับก่อนเกิดโควิด-19 น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1/66
ทั้งนี้การที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิดนั้น ในปีนี้คงไม่เห็นแน่ คาดว่าน่าจะเป็นช่วงไตรมาส1 ของปี 66 โดยสาเหตุที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างมากในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
นอกจากนี้ ในความเห็นของประชาชนทั่วไปมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น เพราะรายได้จากการจ้างงานยังไม่กลับมาส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ธปท.มองว่าไม่น่าเป็นห่วง และยังเชื่อว่าทั้งปี65 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3%อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นมากจนหลุดกรอบ ก็มีมาตรการที่พร้อมจะนำออกมาใช้ดูแล
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตา 4 ปัจจัยที่อาจเป็นตัวทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้สะดุดได้ นั่นคือ 1. การระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่2.อัตราเงินเฟ้อ 3.การเพิ่มขึ้นของ NPL และ 4.ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
สำหรับมาตรการทางการเงินที่ ธปท. ออกมา ไม่ว่าจะเป็น ซอฟท์โลน มาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ(สินเชื่อฟื้นฟู) มาตรการพักทรัพย์ -พักหนี้ ยังเพียงพอที่จะรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนยืดเยื้อ