“จุรินทร์”คาดส่งออกปีขาลแตะ 9.07-9.16 ล้านล้านบาท เติบโต 3-4% หวังตลาดโลกฟื้น แม้ต้องเผชิญโควิด จากปี 64 ตัวเลขอยู่ที่ 8.54 ล้านล้านบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกของประเทศในเดือนธันวาคม 2564 ว่า มูลค่ากว่า 24,930.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.2 % หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทำให้การส่งออกของโลกดีขึ้นตาม แม้ปัญหาโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะแพร่ระบาดแต่ไม่น่าจะรนแรงไปมากกว่านี้
นอกจากนี้ภาครัฐและเอกชนยังคงเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมถึงเร่งเจาะตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดเก่าและตลาดใหม่ โดยเฉพาะในตลาดรัสเซีย ในกลุ่มซีไอเอส เอเชียใต้ อาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา เกาหลีใต้ กลุ่ม CLMV สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และยุโรป เพื่อให้การส่งออกในแต่ละเดือนสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากดูกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2564 ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 เติบโตถึง 21.1 % หรือคิดเป็นเงินบาทกว่า 72,513 ล้านบาท โดยเฉพาะมังคุดสด ทุเรียนสด มะม่วงสด มันสำปะหลัง และยางพารา
สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมขยายตัวเป็นเดือนที่ 10 โต 24.1 % มูลค่ากว่า 55,735 ล้านบาท และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เติบโตถึง 24 % คิดเป็นเงินบาท 653,336 ล้านบาท ดังนั้น มั่นใจว่า สินค้าภาคการเกษตรของไทยในหลายประเภทและหลายชนิดยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้
ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าสินค้าในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 25,284.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.4 % ส่งผลให้ไทยมีดุลการค้าในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 354.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในช่วง 12 เดือนปี 2564 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2564
โดยเป็นยอดส่งออกทั้งสิ้น 271,173.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8.54 ล้านล้านบาท เติบโตถึง 17.1 % ขณะที่ตัวเลขการนำเข้า 12 เดือน มียอดอยู่ที่ 267,600.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบวก 29.8 % ทำให้ไทยเกินดุลการค้าช่วง 12 เดือนอยู่ที่ 3,583.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งออกไทยในปี 2565 น่าจะมีโอกาสขยายตัวเป็นบวกไม่น้อยกว่า 3-4 % หรือคิดเป็นมูลค่า 279,000-282,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.07-9.16 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้มีการประชุมร่วมภายใต้คณะทำงาน กรอ.พาณิชย์เพื่อประเมินทิศทางการส่งออกในปี 2565 ไว้ โดยเฉพาะเชื่อว่าโอกาสที่ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่ และมองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ตู้ขนส่งสินค้าจะกลับมาอยู่ในระดับที่เป็นปกติมากขึ้น
รวมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดโควิดจะเบาบางลง การเติบโตธุรกิจด้านดิจิตอล จึงเป็นโอกาสที่ภาคการส่งออกไทยยังเติบโตได้ดี แต่ปัจจัยลบที่ต้องติดตามปีนี้ เช่น อัตราเงินเฟ้อในต่างประเทศมีแนวโน้นสูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานในต่างประเทศที่มีอยู่สูง
