‘โฆษกรัฐบาล’ วอนกลุ่มผู้ใช้รถบรรทุก-รถเบนซิน เข้าใจรัฐบาล ยืนยัน พร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์พลังงานเพื่อเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งเป็นมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ด้านราคาน้ำมันมาโดยตลอด พร้อมทั้งได้ดำเนินหลายมาตรการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่การปรับขึ้นของราคาอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าและบริการ อาทิ การกำหนดตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยอาศัยกลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการชดเชยราคา การปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงในช่วงนี้ การขอความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันในการปรับลดค่าการตลาด จนถึง ณ ปัจจุบัน สถานการณ์ด้านราคาน้ำมันอยู่ในสภาวะค่อนข้างวิกฤต ครม.จึงมีมติให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตร ให้ปรับลดลง 3 บาท ตามที่ได้กล่าวข้างต้น
ทั้งนี้วอนกลุ่มผู้ใช้รถบรรทุกและกลุ่มผู้ใช้รถยนต์เบนซินขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลจะต้องพิจารณามาตรการต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
โดยนายธนกร กล่าวว่าขอให้กลุ่มผู้ใช้รถบรรทุกและกลุ่มผู้ใช้รถยนต์เบนซินเข้าใจถึงสภาวการณ์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดความต้องการและปริมาณการผลิตน้ำมันโลก ประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน จึงทำให้ราคาขึ้นลงสอดคล้องกับราคาในตลาดโลก และขอเน้นย้ำว่าราคาน้ำมันในประเทศไทยไม่ได้แพงที่สุดตามที่มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ราคาน้ำมันในประเทศไทยอยู่อันดับที่ 6 ในอาเซียน
ส่วนมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลเพิ่งมีมติไปนั้นเป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ลดลงโดยตรง ซึ่งส่งผลไปยังราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จะลดลงตามไปด้วย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาและดูแลพี่น้องประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงขอให้ทุกฝ่ายมีความสามัคคีร่วมกันและก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน หากทุกคนไม่สามัคคีกันและยังไม่หยุดเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของตัวเอง จะทำให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย