หุ้นไทยพลิกปิดบวก แรงซื้อบิ๊กแคปดันตลาด

ตลาดหุ้นไทยพลิกปิดบวก 5.28 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปหนุน มองแนวโน้มพรุ่งนี้ผันผวน ประเมินกรอบเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,655-1,700 จุด ชู 3 หุ้นเด่น

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ1,685.18 จุด บวก 5.28 จุด หรือ 0.31% โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,690.61 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,672.93 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 93,847.62 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนจากช่วงเช้าลบ 11 จุด ระหว่างวันร่วงลง 11 จุดก่อนดีดกลับมาปิดบวก สาเหตุที่ตลาดหุ้นรีบาวด์เนื่องจากตอบรับประเด็นลบมาระดับหนึ่งแล้ว

สำหรับราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 5% หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP บวก 3% PTT 1.3% ขณะที่หุ้นท่องเที่ยวกลับมาบวก เช่น AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% หลังจากที่ ศบค. ปรับมาตรการ Test & Go เดินทางเข้าไทยเวอร์ชั่นใหม่เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 เปลี่ยนตรวจหาเชื้อโควิดจากวิธี RT-PCR รวมถึงหุ้นค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม เช่นCRC บวก 1.3 % และ MINT บวก 1.6 %

นอกจากนี้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้มีคำสั่งให้กองกำลังหน่วยรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย (Nuclear Force)เตรียมพร้อมในระดับสูงสุดเพื่อรับมือกับบรรดาชาติพันธมิตรขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ ขณะที่ค่าเงินรัสเซียแตะระดับ 109 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า 30%หลังจากถูกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันตลาดติดตามนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาครองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค.นี้ โดย consensus คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จากเดิมอยู่ที่ 0.5% เป็นมุมมองเชิงบวกต่อตลาด รวมถึงติดตามการประกาศงบบจ.ในไตรมาส 4/64 โค้งสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการประกาศงบบจ.80% ของมูลค่าตลาด กำไรประมาณ 2.26 แสนล้านบาทเติบโต 37% QOQ และเติบโต 39%YOY

ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าหุ้นไทยยังผันผวน ปัจจัยที่ต้องติดตามความรุนแรงสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน-เฟด และผู้ติดเชื้อโควิด เน้นหุ้นได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการรัฐ หุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากรัสเซีย-ยูเครน ประเมิน กรอบเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,655-1,700 จุด