วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSEXIM BANK แนะ“ผู้ส่งออก”รับมือตลาดผันผวน หลังศึก“รัสเซีย-ยูเครน”ยืดเยื้อ ราคาสินค้าพุ่ง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

EXIM BANK แนะ“ผู้ส่งออก”รับมือตลาดผันผวน หลังศึก“รัสเซีย-ยูเครน”ยืดเยื้อ ราคาสินค้าพุ่ง

“รักษ์”แนะผู้ประกอบการส่งออกบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ หลังรัสเซียโจมตียูเครนชี้ยืดเยื้อส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน และวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ฉุดกำไรธุรกิจวูบ

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่รัสเซียพยายามรุกคืบเข้าถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ทำให้นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation : NATO) และชาติตะวันตก ประกาศมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจถึงขั้นจะถูกโดดเดี่ยวจากระบบการเงินโลก

โดยประกาศตัดรัสเซียออกจากระบบสวิฟต์ (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication : SWIFT) ซึ่งเป็นระบบการส่งข้อความทางการเงินที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูงที่สถาบันการเงินกว่า 11,000 แห่งใช้บริการและครอบคลุมการใช้งานในกว่า 200 ประเทศ กระทบต่อการใช้บริการ SWIFT ของสถาบันการเงินและบริษัทในรัสเซียจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 300 แห่ง ส่งผลให้บริษัทเอกชนของรัสเซียไม่สามารถเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้อย่างราบรื่น

สำหรับไทยอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ในปัจจุบันเท่าไรนัก เนื่องจากไทยส่งออกไปรัสเซียเพียง 0.4%  และยูเครนเ  0.05% ของมูลค่าส่งออกรวม สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปรัสเซียและยูเครน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก

อย่างไรก็ตาม ในทางอ้อม ผู้ส่งออกไทยอาจประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจากรัสเซียซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานของโลก โดยเฉพาะการเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ และสินแร่ต่าง ๆ ถูกมาตรการลงโทษ ทำให้ส่งออกสินค้าดังกล่าวยากลำบาก เช่นเดียวกับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และธัญพืชชนิดต่าง ๆ ซึ่งรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ของโลก เมื่อเกิดปัญหาความตึงเครียดส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน และวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตและต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้นตาม ซึ่งในที่สุดอาจกระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ผู้ส่งออกไทยควรต้องบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศและบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการขนส่ง เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าและการเมืองระหว่างประเทศ ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งล่าสุดเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงถึงราว 30% จากต้นปี 2565 ผู้ประกอบการไทยจึงควรบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงการปรับวิธีการชำระเงินค่าสินค้า เป็นต้น โดยธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาแนะนำเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสมให้แก่ผู้ส่งออก

“ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายและลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งในตลาดรัสเซีย ยูเครน และทวีปยุโรปโดยรวม ซึ่งไทยส่งออกไปยุโรปคิดเป็น 10% ของมูลค่าการส่งออกรวม แม้ว่าปัจจุบันผลกระทบยังอยู่ในวงจำกัด แต่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น อาจส่งผลต่อภาพรวมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ตลอดจนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้อาจชะลอการเดินทาง เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยและการส่งออก ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นในปีนี้”  

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img