ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 4.64 จุด แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ จับตาสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน-นาโตรวมถึงมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนจากรัฐ มองแนวโน้มพรุ่งนี้ซึมเหตุไร้ปัจจัยใหม่หนุนชู 3 หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,673.87 จุด ลบ 4.64 จุด หรือ 0.28%โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,685.78 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,671.08 จุดด้วยมูลค่าการซื้อขาย 73,653.26 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรง 10 วันกว่า 100 จุดทำให้มีแรงขายทำกำไร โดยหุ้นที่กดตลาดวันนี้เป็นกลุ่มแบงก์ เช่น KBANK 1.9% SCB 3.4% BBL 2.17% จากก่อนหน้านี้ปรับขึ้นรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดขึ้นดอกเบี้ย0.25% ไปแล้ว
ทั้งนี้จากความกังวลราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกดดันการเติบโตเศรษฐกิจทำให้หลายสำนักเศรษฐกิจหั่นเป้าจีดีพีจาก 3.7% เติบโตเพียง 3.2% ขณะที่หุ้นที่ดันตลาดวันนี้เป็นหุ้นเทคชิ้นส่วน และโรงพยาบาล เช่น DELTA 4.6% EA 1.1% DTAC 2% ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศมีทั้งบวกและลบสลับกัน เช่น อินเดียบวก 1% ฮ่องกงบวก 0.9% แต่เกาหลีใต้ลบ 0.8% ด้านตลาดหุ้นโลกบวก 5%
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยวันนี้พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,476.58 ล้านบาทต่างประเทศขายสุทธิ 937.56 ล้านบาทบัญชีบล. ซื้อสุทธิ 299.43 ล้านบาทในประเทศซื้อสุทธิ 2,114.70 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ติดตามวันพรุ่งนี้คือสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน การประชุมขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) 24 มี.ค.นี้ตัวเลข PMI ยุโรปคาดว่าอยู่ที่ระดับ58.7 และ PMI สหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 56 จุด ถ้าออกมาดีตลาดจะตอบรับเชิงบวก รวมถึงมาตรการช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนค่าน้ำค่าไฟ ค่าก๊าซหุงต้ม งานมอเตอร์โชว์วันที่ 23 มี.ค.-3 เม.ย.นี้
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะและปัจจัยแวดล้อมหนุน คือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าครองชีพ และหุ้นชิ้นส่วนรับผลบวกจากงานมอเตอร์โชว์ มองแนวโน้มพรุ่งนี้ซึมต่อ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่หนุนประเมินกรอบการเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,660-1685 จุด
