“อารดา” เผยสหราชอาณาจักรขึ้นบัญชี 4 บริษัทไทย เอี่ยวช่วยเหลือรัสเซียโจมตียูเครน มีพฤติกรรมเข้าไปค้าขายสินค้าความเสี่ยงสูง เตรียมเชิญมาชี้แจงทำความเข้าใจต่อกฎหมาย-รับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทและไทยในภาพรวม
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาแห่งสหราชอาณาจักรได้ประกาศขึ้นบัญชีเพิ่มเติมรายชื่อบุคคล และนิติบุคคลของประเทศที่สาม ที่พบว่าให้ความช่วยเหลือแก่รัสเซียในสงครามยูเครน ตามกฎหมายว่าด้วยการคว่ำบาตรต่อรัสเซียปี 2562 ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2563 เป็นบุคคลและนิติบุคคล 39 ราย เรือ 51 ลำ ทั้งนี้ มีบริษัทไทยถูกขึ้นบัญชีรวมจำนวน 4 แห่ง
กฎหมายว่าด้วยการคว่ำบาตรต่อรัสเซียของสหราชอาณาจักรนั้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อต่อต้านการทำสงครามของรัสเซียต่อยูเครน โดยกำหนดว่า หากพบว่ามีบุคคลหรือนิติบุคคลใดมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงของการบ่อนทำลายความมั่นคงของยูเครน หรือมีกิจกรรมทางการค้าที่เป็นการสนับสนุนรัสเซียจะถูกประกาศรายชื่อ และกฎหมายได้กำหนดห้ามมิให้บุคคลหรือนิติบุคคลสัญชาติอังกฤษ
บริษัทที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของสหราชอาณาจักรที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่น หรือแม้แต่บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับสหราชอาณาจักร (UK Nexus) เข้าไปทำธุรกรรมด้านการค้า การเงิน และการลงทุนด้วย นอกจากนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดังกล่าว อาจถูกอายัดทรัพย์สินหรือถูกปฏิเสธการให้บริการทางการเงินจากสถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย หรือบริษัทขนส่งของสหราชอาณาจักรอีกด้วย
ทั้งนี้แม้ว่าไทยมีนโยบายที่เป็นกลางต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนรวมถึงประเทศตะวันตก อาทิ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากผู้ส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายดังกล่าว ซึ่งถือเป็นกฎหมายภายในประเทศที่นำออกมาเพื่อใช้บังคับกับบุคคลหรือนิติบุคคลของประเทศตนเองไม่ให้ทำธุรกรรมด้านการค้า การเงิน และ การลงทุนใดๆ
ในกรณีประกาศล่าสุดนี้ พบว่ามีบริษัทที่จดทะเบียนในไทยถูกขึ้นบัญชีดังกล่าว และย่อมจะได้รับผลดังกล่าวด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกันและ ยังอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยได้ในสายตาของกลุ่มประเทศตะวันตก ที่ถือเป็นตลาดที่สำคัญของสินค้าส่งออกไทยอีกด้วย ซึ่งในการนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีนี้ อยู่ระหว่างการเชิญบริษัทที่จดทะเบียนในไทยดังกล่าวมาหารือเพื่อทำความเข้าใจต่อกฎหมายดังกล่าว และชี้แจงต่อผลกระทบอันที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทและไทยในภาพรวม
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งเตือนไปยังภาคเอกชนของไทย ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ส่งออกไทยและภาคธุรกิจได้รับทราบถึงกฎหมายและประกาศล่าสุดดังกล่าว และขอให้ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศด้วยความรอบคอบ
ทั้งนี้ ในปี 2567 การค้าระหว่างไทย-สหราชอาณาจักรมีมูลค่ารวม 234,544.31 ล้านบาท ในขณะที่การค้าไทย-รัสเซียมีมูลค่ารวม 55,898.82 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 147,025.31 ล้านบาท และส่งออกไปยังรัสเซียอยู่ที่ 31,026.94 ล้านบาท ในส่วนการนำเข้า ไทยนำเข้าสินค้าจาก สหราชอาณาจักรมูลค่า 87,519.01 ล้านบาท และจากรัสเซีย 24,871.88 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับดุลการค้า ไทยเกินดุลกับทั้งสองประเทศ โดยเกินดุลกับสหราชอาณาจักร 59,506.30 ล้านบาท และกับรัสเซีย 6,155.06 ล้านบาท

















