พาณิชย์เผยผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคแจ้งขอปรับราคาสินค้าแบกรับภาระต้นทุนต่อไปไม่ไหว ด้านอธิบดีกรมการค้าภายเบรกหัวทิ่มขอประเมินสถานการณ์พ.ค.นี้ก่อน หลังรัฐเลิกตรึงดีเซลลิตรละ 30 บาท
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคบางกลุ่มแจ้งขอปรับ ราคาแล้ว แต่จำนวนรายยังน้อยมาก เช่น กลุ่มอาหาร แต่กรมยังไม่อนุมัติให้ขึ้นราคาและขอให้ผู้ผลิตสินค้าจำเป็น 18 กลุ่มตรึงราคาไว้ก่อน กรมจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ รวมถึงรอดูสถานการณ์หลังรัฐบาลเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร
“จากข้อมูลโครงสร้างต้นทุนสินค้า พบว่าน้ำมันดีเซลไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดของต้นทุนการผลิต โดยน้ำมันเป็นต้นทุนการขนส่ง 40% แต่ค่าขนส่งเป็นเพียง 10% ของต้นทุนสินค้านั้นๆ หากน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 35 บาท/ลิตร จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าไม่ถึง 1% ถือว่าผลกระทบไม่แรง แต่ยอมรับว่าอาจมีผลต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค” ร.ต.จักรากล่าว
สำหรับสถานำการณ์ราคาสินค้าเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา หลายรายการยังทรงตัว เช่น ไข่ไก่ หลังปรับราคาหน้าฟาร์ม 10 สตางค์/ฟอง เป็น 3.50 บาท/ฟอง จากการตรวจสอบราคาขายปลีกพบว่ายังไม่เปลี่ยน ไข่ไก่เบอร์ 3 เฉลี่ยทั่วประเทศ 3.75 บาท/ฟอง ส่วนหมูเนื้อแดง เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 163 บาท/กิโลกรัม ราคาปรับขึ้นเล็กน้อยตามต้นทุนอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่มะนาวเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ราคาเริ่มลดลง เพราะผลผลิตเริ่มมีมากขึ้น โดยราคาในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 8-8.50 บาท/ลูก จากเมื่อวันที่ 20 เมษายน อยู่ที่ 8.50-9 บาท/ลูก
ส่วนปุ๋ยเคมีแม้เป็น 1 ในกลุ่มสินค้าควบคุม แต่มีความแตกต่างจากสินค้ากลุ่มอื่น ต้องให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาบ้างตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะนี้มีผู้ประกอบการ 4-5 ราย ขอยื่นปรับราคาขึ้น โดยกรมอยู่ระหว่างการพิจารณาราคาให้สอดรับกับต้นทุนของแต่ละราย เพราะแต่ละรายจะมีต้นทุนต่างกันไป อีกทั้งใช้สูตรไม่เหมือนกัน ส่วนการแก้ปัญหาอาหารสัตว์ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องประชุมหารือ ทุกหน่วยต่อเนื่อง