โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าฟื้นหลังจากที่ร่วงแรง แต่ต้องระวังความผันผวนจากปัจจัยลบต่างประเทศกระหน่ำ เกาะติดจีดีพีไทย-อีซีบี-เงินเฟ้อยุโรป
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัสเปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนพ.ค.เผชิญ Sell in May ผ่านพ้นไปครึ่งเดือน ดัชนีปรับตัวลง 5% โดยเป็นผลมาจากเงินเฟ้อสหรัฐฯในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนคาดว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในเดือนมิ.ย.นี้ จะใช้นโยบายการเงินตึงตัวด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
ขณะที่ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากเงินบาทที่อ่อนค่าแตะ 34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐสูงสุดในรอบ 5 ปี ทำให้ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยเดือนพ.ค.นี้ไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท แม้ว่าช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.18 แสนล้านบาทและยังพบว่า Block Trade สัญญา Futures จากเดิมที่เคยทำจุดสูงสุด 5.6 หมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาทเป็นตัวเลขใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด
ทั้งนี้มองแนวโน้มสัปดาห์หน้า ตลาดน่าจะฟื้นตัวขึ้นคาดแนวรับอยู่ที่ 1,570-1,580 จุดแนวต้านที่ 1,620 จุด ปัจจัยที่ติดตามคือ การประกาศงบบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่เหลือสัปดาห์หน้าส่วนข้อมูลบจ.ที่ออกมาก่อนหน้านี้สัดส่วน 82% กำไร 2.54 แสนล้านบาทลดลง 2.3% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการปรับ
ประมาณการณ์ใหม่ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ต้องติดตามการประกาศตัวเลขจีดีพีไทยไตรมาส 1/65 ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ คาดโต 1.7% YOY
แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าชะลอลง 1.9% ซึ่งหากต่ำกว่าตลาดคาดการณ์จะเป็นแรงกดดันตลาด ส่วนจีดีพีไตรมาส 2 น่าจะปรับลดลงจากผลกระทบจากรัสเซีย-ยูเครนราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งรอดูผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และตัวเลขเงินเฟ้อวันที่ 18 พ.ค.นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 7.5% ถ้าสูงกว่าตลาด คาดจะเป็น sentiment เชิงลบ
