โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯสั่งการ เร่งพิจารณาราคาน้ำมันปาล์ม บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนต่อเนื่อง พร้อมกำชับให้ควบคุมไม่ให้ตั้งราคาสูงเกินมาตรฐานและตรวจสอบปริมาณให้เพียงพอต่อการบริโภค
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขราคาน้ำมันปาล์มเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน โดยกำชับกระทรวงพาณิชย์หาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดูแลเรื่องการควบคุมราคาสินค้าประเภทอื่นไม่ให้ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือค้ากำไรเกินควร อีกทั้งตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มให้มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้าขึ้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากกรณีที่ราคาปาล์มน้ำมันสูงขึ้นจากกิโลกรรมละ 2 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรรมละ 11-12 บาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้เป็นตัวเลขที่น่าพอใจต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแก่ผู้บริโภคทั้งการประกอบอาหารและการใช้เป็นส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงยานยนต์ นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้เร่งหามาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม
ในโอกาสนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตลาดปาล์ม ได้มีข้อสรุปให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ ประกอบด้วยตัวแทน 5 ฝ่าย ได้แก่ ตัวแทนส่วนราชการ ตัวแทนภาคเกษตรกร ตัวแทนโรงสกัด ตัวแทนของโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มขวดบริโภค และตัวแทนผู้ส่งออกที่เป็นผู้มีส่วนร่วม เพื่อร่วมดูแลอย่างรอบด้าน ทั้งราคาผลปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มขวดให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ไม่ให้ค้ากำไรเกินควร อีกทั้งดูแลเรื่องปริมาณไม่ให้ขาดตลาด สั่งการให้มีการตรวจสต๊อกทุกสัปดาห์และรายงานผล ซึ่งหากพบการค้ากำไรเกินควรมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กระทรวงพานิชย์ได้ตรึงราคาน้ำมันปาล์ม จากราคาเดิมตามโครงสร้างประมาณ 75-76 บาทต่อขวด เหลือประมาณ 65-68 บาท
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการ ควบคุมทุกภาคส่วนเพื่อหามาตรการลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน ซึ่งปัญหาราคาสินค้าแพงส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงในปัจจุบัน ราคาสินค้าจึงแพงขึ้นตามกลไกตลาด โดยปัจจุบันรัฐบาลดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและสามารถแก้ปัญหาได้ในหลายส่วนแล้ว โดยขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล อีกทั้งขอประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตาไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภคปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อหาประโยชน์จากความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน