ธปท.เผยบอร์ด กนง.ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย คาดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีกว่าคาด แม้เผชิญเงินเฟ้อสูง ห่วงกลุ่มเปราะบางรายได้ฟื้นตัวไม่เต็มที่-ภาระหนี้สูง แนะคลอดมาตรการแก้ปัญหาเฉพาะจุด
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.เผยแพร่เอกสารรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ ร้อยละ 0.50 ต่อปี โดย 3 เสียง เห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 0.25 ต่อปี
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่องและมีโอกาสฟื้นตัวดีกว่าที่ประเมินไว้จากอุปสงค์ในประเทศและแรงส่งจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปนั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ประเมินไว้เดิม จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันและการส่งผ่านต้นทุนที่มากและนานกว่าคาด มองไปข้างหน้า การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะมีความจำเป็นลดลง
นอกจากนี้คณะกรรมการฯ เห็นความสําคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดสําหรับกลุ่มเปราะบาง โดยประเมินว่าระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสํารองที่เข้มแข็ง รวมทั้งสภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ ในระดับสูง แต่การกระจายสภาพคล่องยังแตกต่างกันบ้างในแต่ละภาคเศรษฐกิจภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจบางกลุ่มยังเปราะบาง
โดยรายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจมีความอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและต้นทุนที่สูงขึ้น จึงควรดําเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลในวงกว้างและสอดคล้องกับความสามารถในการชําระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว รวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมมาตรการเฉพาะจุดสําหรับกลุ่มเปราะบาง
ภายใต้กรอบการดําเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน
คณะกรรมการฯ เห็นว่าการประเมินนโยบายการเงินที่เหมาะสมต้องชั่งน้ําหนักระหว่างเป้าหมายทั้งสามด้านดังกล่าวตามแนวโน้มและความเสี่ยงที่อาจเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งต้องคํานึงถึงความสัมพันธ์และประสิทธิผลของเครื่องมือเชิงนโยบายด้านอื่น ๆในภาพรวมควบคู่ไปด้วย
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีความชัดเจนขึ้น จึงเห็นว่าการดําเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะมีความจําเป็นลดลงในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไป รวมทั้งคํานึงถึงผลกระทบและประสิทธิผลของนโยบายในระยะปานกลางเป็นสําคัญ