สถาบัน-ต่างชาติทิ้งหุ้นไทยกดดัชนีร่วง

ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 11.38 จุด ผลพวงจากปัจจัยต่างประเทศกดดัชนี มองแนวโน้มพรุ่งนี้ฟื้นตัวหลังร่วงแรง ประเมินกรอบ 1,515-1,555 จุด เน้น Domestic & Defensive

นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ1,533.43 จุด ลบ 11.38 จุด หรือ 0.74 % โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ1,541.55 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,520.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,626.79 ล้านบาทว่าตลาดหุ้นไทยปิดลบเกิดจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเห็นได้จากดัชนี STOXX 600 ลงมาที่ 0.3%

ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ในการประชุมวันที่ 21 ก.ค.นี้ มีโอกาส 40% ขึ้นดอก เบี้ย 0.5% จากเดิม 0.25% และในเดือนก.ย.คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 1% ทำให้เงินกู้ยืมของภาครัฐและเอกชนปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายและจีดีพีในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีและธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดให้มีส่วนต่างที่แคบลง เพราะถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าถ้าเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ราคาน้ำมัน WTI อยู่ที่ระดับ 99 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ BRENT ที่ขึ้นมาระดับ
105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลทำให้ไทยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันมากสุดรองจากฟิลิปปินส์ เนื่องจาก
เป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวนมาก

ส่วนกรณีที่เมียนมา สั่งระงับการจ่ายหนี้ต่างประเทศ เพื่อรักษาปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศนั้นกระทบต่อหุ้น CBG ,OSP ,MEGA ซึ่งเป็น sentiment เชิงลบต่อตลาด

ส่วนมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,019.67 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,562.83ล้านบาทบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 469.26 ล้านบาทนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 3,113.24ล้านบาท

ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมอีซีบี การประชุมเอฟโอเอ็มซี มองแนวโน้มพรุ่งนี้อาจจะฟื้นตัวหลัง จากที่ปรับตัวลงแรง ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,515-1,555 จุด เน้น Domestic & Defensive อาทิ ธนาคารพาณิชย์ การแพทย์ BDMS ค้าปลีก