นายกฯ โต้ข่าวนักลงทุนทิ้งไทย ลั่นภายใน 6 เดือนมีต่างชาติเข้ามาลงทุนเฉียด 7 หมื่นล้านบาท เพิ่มปีก่อนสองเท่า
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร๋โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในเรื่องที่มีข่าวปล่อยออกมาว่าประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายสำคัญในการลงทุนของโลก หรือภูมิภาคต่างๆ ตนเคยพูดไปแล่วว่าวันนี้ 6 เดือนแรกของปี 2565 มีต่างชาติเข้ามาลงทุนเฉียด 7 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปี 2564 เกือบ 3 หมื่นล้านบาท นี่คือข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาแล้ว ใครออกมาเผยแพร่ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงถือว่าบิดเบือน เพราะเป็นการรายงานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ที่มีการรายงานการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มกราคมถึงมิถุนายน ต่างชาติลงทุนในประเทศไทยเป็นเม็ดเงินรวม 6.9 หมื่นล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 3,164 คน เพิ่มเติมต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันแรกคือ ญี่ปุ่น 71 ราย คิดเป็นร้อยละ 25 เงินลงทุน 26,237 ล้านบาท สิงคโปร์ 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 เงินลงทุน 11,478 บาท และสหรัฐอเมริกา 35ราย คิดเป็นร้อยละ 12 เงินลงทุน 2,899 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนรวม 39,614 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย 284 ราย ผ่านช่องทางหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 178 ราย เป็นใบอนุญาติประกอบธุรกิจ 106 ราย เมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 20 ราย คิดเป็นร้อยละ7.8 มีการลงทุนเพิ้มขึ้น 29,628 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 73.48 ทั้งนี้ได้พบปะหารือกับสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ ฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาล กระทรวงที่เกี่ยวข้องที่มีการรายงานถึงความก้าวหน้าในเรื่องการเสนอเพื่อขอรับสิทธิ์ประโยชน์ ในการลงทุนกับประเทศไทยจำนวนมากพอสมควร ในหลายพื้นที่ หลายกิจกรรม หลายกิจการ ทั้งธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่”
อย่างไรก็ตามตัวเลขสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศอยูในเกณฑ์ดีขึ้น เรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศมหาอำนาจ และกลุ่มประะเทศต่างๆ เพราะมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ รวมถึงเงินทุนไหลเข้า เงินไหลออก ดั้งนั้นธนาคารเเห่งประเทศไทยจึงติดตามสถานการณ์เรื่องนี้ โดยสินค้าเกษตรที่ราคาเพิ่มขึ้นหลายอย่างก็จะมีผลต่อการส่งออก ซึ่งตนกำชับกระทรวงพาณิชย์ให้พยายามทำอย่างเต็มที่ ระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนมากเกินไป