กรมการค้าภายในเตือน “ร้านธงฟ้า” ห้ามฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-การใช้สิทธิ์คนละครึ่ง ย้ำหากตรวจสอบพบจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ระบุเพิกถอนสิทธิ์ไปแล้ว 121 ราย
นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนทั่วไปว่ามีร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้า) บางแห่ง มีพฤติกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภค เช่น คิดค่าบริการกับลูกค้าที่ชำระค่าสินค้าด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (หักหัวคิว) หรือมีพฤติกรรมรับแลกเงินสดจากผู้ถือบัตร หรือขายสินค้าไม่ตรงกับราคาป้ายที่แสดง หรือไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร
จึงขอเตือนไปยังร้านธงฟ้า อย่าได้มีพฤติกรรมเอาเปรียบผู้บริโภค เพราะหากถูกร้องเรียน และตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และถูกเพิกถอนสิทธิการเป็นร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น รวมทั้งจะถูกตัดสิทธิการรับชำระเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย
“ที่ผ่านมา กรมฯ ได้มีการดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการติดตามตรวจสอบร้านธงฟ้าที่ถูกร้องเรียน ผลการตรวจสอบพบการกระทำผิด ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมรับแลกวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสด ยึดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไว้ จำหน่ายสินค้าให้ผู้ใช้สิทธิคนละครึ่งในราคาสูงกว่าลูกค้าที่ชำระด้วยเงินสด และไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้า และได้ทำการเพิกถอนสิทธิร้านธงฟ้าไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 121 ราย” นายอาวุธ ระบุ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเพิ่มวงเงินให้แก่ผู้ถือบัตรจำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 2 เดือน (ก.ย.–ต.ค.2565) จากเดิมเพิ่มเป็น 400 หรือ 500 บาทต่อคนต่อเดือน และเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 50 หรือ 100 บาทต่อเดือน (ผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิตั้งแต่ต.ค.2564–ก.ค.2565 จะได้รับเงินเข้าบัตรในเดือน เม.ย.–ก.ย.2565) รวมถึงโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ที่เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.–31 ต.ค.2565
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นร้านค้า มีพฤติกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภค หรือทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะเข้าไปตรวจสอบในทันที และหากพบการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง